เมื่อจีนสร้างเรือประมงครบวงจรลำแรกของโลก

จีนนับเป็นผู้ต่อเรือชั้นนำในหลากหลายประเภทของโลก หนึ่งในนั้นก็ได้แก่ เรือประมง โดยจีนเป็นผู้ผลิตเรือประมงรายใหญ่และครบวงจรที่สุดในโลก จีนยังมีชื่อเสียงในด้านต้นทุนที่ต่ำ เทคโนโลยีที่ดี และระยะเวลาการส่งมอบที่รวดเร็ว ทำให้มีลูกค้าที่สั่งต่อเรือประมงในจีนกระจายอยู่ทั่วโลก
ในปีนี้ จีนยังสร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมเรือเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแบบครบวงจรลำแรกของโลก เรือประมงนี้จะเปลี่ยนวงการประมงโลกในอนาคต ผมขอชวนผู้อ่านตามไปเจาะลึกกันครับ ...
เพื่อเข้าใจในภาพใหญ่ ผมขอโยงไปสู่ยุทธศาสตร์หลักอย่าง “เศรษฐกิจสีคราม” (Blue Economy) โดยราวปี 2010 ถือเป็น “ระยะเริ่มต้น” และหลังจากนั้น เรื่องนี้ก็ถูกกำหนดเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาที่จีนผลักดันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเล เทคโนโลยีทางทะเล และสภาพแวดล้อมชายฝั่งให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงอย่างยั่งยืน
ในช่วงแผนพัฒนา 5 ปีฉบับที่ 12 (2011-2015) จีนได้กำหนดนโยบายในเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ อาทิ การประกาศให้ “ทะเล” เป็นเสาหลักใหม่ของเศรษฐกิจ และจัดตั้งเขตเศรษฐกิจทางทะเลแห่งชาติ (National Marine Economy Demonstration Zone) รวมทั้งส่งเสริม 6 อุตสาหกรรมทางทะเล อันได้แก่ การขนส่งทางทะเล การต่อเรือ การประมง พลังงานทางทะเล การท่องเที่ยวชายฝั่ง และชีวภาพทางทะเล ผลจากการดำเนินนโยบายดังกล่าวทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจทางทะเลของจีนเติบโตเฉลี่ยถึง 8% ต่อปี
ในแผนฯ 13 (2016-2020) ถือเป็น “ระยะเติบโตเชิงยุทธศาสตร์” ที่นำเอาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาเป็นตัวนำ ซึ่งนำไปสู่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลลึก การสำรวจมหาสมุทร การขยายฐานอุตสาหกรรมต่อเรือขึ้นเป็นอันดับแรกของโลก และการท่องเที่ยวชายฝั่งและเรือสำราญ
ในแผนฯ 14 (2021-2025) ถือเป็นระยะนวัตกรรมและความมั่นคงทางทะเล เศรษฐกิจสีครามได้ถูกเชื่อมโยงกับความมั่นคงทางอาหาร ความมั่นคงทางทะเล และการอนุรักษ์ระบบนิเวศน์ อันนำไปสู่การพัฒนายุทธศาสตร์ “น่านน้ำลึก” และพลังงานสีคราม อาทิ ฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่งใหญ่ที่สุดในโลก และทดสอบพลังงานคลื่นและความแตกต่างของอุณหภูมิทะเล
โดยมีศูนย์กลางเศรษฐกิจสีครามกระจายอยู่หลายหัวเมืองของจีนและมีบทบาทความสำคัญที่แตกต่างกัน อาทิ ชิงเต่า (ศูนย์วิจัยและพัฒนา เทคโนโลยีชีวภาพทางทะเล และสมุทรศาสตร์) เซี่ยงไฮ้ (ศูนย์เรือพาณิชย๋และเรือสำราญ) จูไห่ (เขตสาธิตเศรษฐกิจสีคราม อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยง และพลังงานทะเล) และไห่หนาน (เขตการค้าเสรีทางทะเล และศูนย์การประมงไกลฝั่ง)
จะเห็นได้ว่า เรือประมงถือเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนยุทธศาตร์ดังกล่าวในหลายมิติ ประการสำคัญ เมื่อต้นปี 2025 จีนได้เปิดตัวนวัตกรรมเรือเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่สามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (Self-Propelled Aquaculture) พร้อมระบบแลกเปลี่ยนน้ำตามธรรมชาติ (Natural Water-Exchange) ลำแรกของโลกที่เมืองเจียงเหมิน (Jiangmen) นครกวางโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง และถูกเปรียบเปรยว่าเป็น “ยุ้งฉางทะเลลึก” หรือ “ทุ่งเลี้ยงสัตว์ทางทะเล”
เรือลำดังกล่าวมีชื่อว่า “Bay Area Ling Ding” มีขนาดความยาว 155.8 เมตร ความกว้าง 44 เมตร และความลึก 24 เมตร เรือลำนี้มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากเรือประมงทั่วไปอยู่หลายประการ
ประการแรก พื้นที่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำใต้ทะเล ส่วนใต้น้ำของเรือที่จัดวางเสาเหลี่ยม 15 ต้นประกอบเข้าด้วยกัน โดยมีระดับความลึกใต้น้ำถึง 20 เมตร ทำให้มีปริมาตรน้ำใต้ท้องเรือถึง 80,000 ลูกบาศก์เมตร เทียบเท่าปริมาณน้ำของสระว่ายน้ำมาตรฐาน 32 สระ เกิดเป็นเสมือน “อ่างใต้น้ำ” ขนาดมหึมาใต้ท้องทะเล (Deep-Water Cage) ทำให้ปลามีพื้นที่ว่ายน้ําได้อย่างเป็นอิสระ ซึ่งเพิ่มพลังและปรับปรุงคุณภาพของเนื้อปลา
โดยด้านล่างถูกขึงไว้ด้วยอวนจับปลา และแบ่งแยกออกเป็นห้องเพาะพันธุ์อิสระ 12 ห้อง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า พื้นที่ใต้น้ำดังกล่าวจะสามารถรองรับปริมาณผลผลิตด้านอาหารทะเลคุณภาพได้สูงถึง 5,000 ตันต่อปี เทียบได้กับบ่อเลี้ยงปลาบนบกที่ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 3.33 ล้านตารางเมตร
ประการที่ 2 การใช้ประโยชน์จากธรรมชาติ เรือดังกล่าวออกแบบให้ใช้โครงสร้างที่รวมหัวเรือและท้ายเรือเข้ากับตัวเรือที่มีความเสถียรของหลักเสาที่ยึดตรึงเข้าด้วยกัน พร้อมกับเทคโนโลยีการแลกเปลี่ยนน้ำตามธรรมชาติที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพของปลาและลดการใช้อาหารตามธรรมชาติไปพร้อมกัน
ประการที่ 3 เรือเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเคลื่อนที่อัจฉริยะ เรือดังกล่าวมีระยะการล่องเรือที่สูงถึง 2,000 ไมล์ทะเล และติดตั้งระบบนําทางและตําแหน่งจีพีเอส (GPS) และเป๋ยโต่ว (BeiDou) ที่มีความแม่นยําสูง ซึ่งสามารถอัพเดตตําแหน่งแบบเรียลไทม์เพื่อแจ้งเตือนและแนะนําบุคลากรด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้อย่างทันท่วงที
ระบบและอุปกรณ์เหล่านี้ช่วยให้เรือสามารถนําทางได้อย่างอิสระเพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น พายุไต้ฝุ่น และเลือกแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำคุณภาพสูงที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและอุณหภูมิใต้น้ำ ซึ่งช่วยลดระยะเวลาการผสมพันธุ์และเพิ่มผลตอบแทนทางเศรษฐกิจไปพร้อมกัน
ขณะเดียวกัน เรือยังติดตั้งเซ็นเซอร์หลายตัวและระบบการให้อาหารอัตโนมัติในแต่ละห้องทำฟาร์ม หากตรวจพบอุณหภูมิของน้ำที่ผิดปกติหรือมลพิษในพื้นที่เฉพาะ เรือสามารถยกท้องเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อลดความต้านทานน้ำและนำทางไปยังน่านน้ำที่ปลอดภัยได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้มั่นใจถึงสุขภาพและคุณภาพของปลา
ประการที่ 4 ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เรือดังกล่าวมีการติดตั้งระบบการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลมขนาด 20 กิโลวัตต์ที่สามารถตอบสนองความต้องการไฟฟ้าระหว่างการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแบบคงที่ด้วยพลังงานสะอาด 100% ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้อย่างมาก
ประการที่ 5 ประโยชน์ในหลากหลายมิติ ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงผสมพันธุ์ที่ต้องการความนิ่ง สิ่งอํานวยความสะดวกเพื่อการพักผ่อนนอกชายฝั่งของเรือสามารถให้บริการอื่นเพื่อสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้ เช่น การตกปลา การรับประทานอาหาร และที่พักสําหรับนักท่องเที่ยว
เจ้าของเรือลำนี้ได้แก่ Zhuhai Ocean Development Group Co ซึ่งได้รับการอนุมัติให้ก่อสร้างเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 และได้ส่งมอบในเดือนสิงหาคม 2025 โดยบริษัทวางแผนว่าจะดําเนินการในน่านน้ำรอบๆ หมู่เกาะว่านส่าน (Wanshan) ในจูไห่ ใกล้ปากแม่น้ำไข่มุก
นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ที่นำไปสู่การพัฒนาเรือลำดังกล่าวยังจะจึงถือเป็นก้าวย่างสําคัญในอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในทะเลลึกยุคใหม่ของจีน
เรือดังกล่าวออกแบบตามมาตรฐาน China Classification Society และมุ่งเน้นการเพาะเพี้ยงสายพันธุ์ที่มี “มูลค่าสูง” และสามารถพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมประมงอย่างรอบด้านตั้งแต่การเพาะพันธุ์ปลา การเพาะเลี้ยง การแปรรูป โลจิสติกส์ และการตลาดแบบเบ็ดเสร็จ รวมทั้งการเพิ่ม “อิสระในการทำประมงสมัยใหม่” (Freedom in Modern Aquaculture) ซึ่งจะเพิ่มรายได้ในการทำประมงบนต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ต่ำลง ผนวกรวมอุตสาหกรรมการประมงและการท่องเที่ยวในท้องถิ่นเข้าด้วยกัน และอาจช่วยยกระดับให้เมืองจูไห่เป็นศูนย์กลางของ “เศรษฐกิจสีคราม” ระดับภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มเมือง GBA ในอนาคตอีกด้วย
นอกจากนี้ เรือล้ำนี้ไม่เพียงเป็นแพลตฟอร์มการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเคลื่อนที่ลำแรกของโลก แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่แห่งแรกของจีนที่รวมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอัจฉริยะ การอนุรักษ์พลังงาน และการประมงและการท่องเที่ยวทางทะเลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเข้าไว้ด้วยกันอย่างเบ็ดเสร็จ ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจทางทะเลที่มีความหลากหลายมากขึ้น
จีนยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมเรือประมงอยู่ต่อไป เราคงติดตามดูกันว่า เรือประมงเจนใหม่ของจีนจะมี “ลูกเล่นใหม่” อะไรออกมาให้เรา “ว้าว” อีกในอนาคต ...