รีเซต

สายสัมพันธ์รัสเซีย-อิหร่านแน่นแฟ้น สหรัฐฯ ชี้ ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ อบอุ่นจนเป็นพันธมิตรด้านกลาโหมเต็มตัว

สายสัมพันธ์รัสเซีย-อิหร่านแน่นแฟ้น สหรัฐฯ ชี้ ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ อบอุ่นจนเป็นพันธมิตรด้านกลาโหมเต็มตัว
TNN ช่อง16
10 ธันวาคม 2565 ( 20:00 )
278

---รัสเซีย-อิหร่าน ขึ้นเป็นพันธมิตรกลาโหมเต็มตัว---


จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ได้อ้างถึงรายงานการประเมินจากหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ที่บ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและอิหร่านเพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมาว่า รัสเซียได้ยื่นข้อเสนอการสนับสนุนทางด้านทหาร และทางเทคนิคในระดับที่ “ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแก่อิหร่าน” ซึ่งจะเปลี่ยนให้ความสัมพันธ์ของพวกเขา ก้าวขึ้นสู่การเป็นพันธมิตรทางด้านกลาโหมอย่างเต็มตัว 


ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้ประณามความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างอิหร่าน และรัสเซีย ซึ่งส่งผลให้สหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรใหม่ แก่ 3 หน่วยงานในรัสเซีย ได้แก่ กองกำลังการบินและอวกาศของรัสเซีย ศูนย์การบินไร้คนขับแห่งรัฐที่ 924 และกองบัญชาการบินขนส่งทางทหาร ที่ดำเนินการซื้อ และใช้โดรนของอิหร่าน 


เคอร์บี กล่าวด้วยว่า รัสเซียและอิหร่านกำลังพิจารณาจัดตั้งสายการผลิตโดรนสังหารในรัสเซีย เพื่อนำไปใช้กับสงครามกับยูเครน และอาจเป็นอันตรายต่อประเทศเพื่อนบ้านอิหร่าน ตลอดจนประชาคมโลกใน นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังเชื่อว่า อิหร่านกำลังพิจารณาขายขีปนาวุธหลายร้อยลูกให้แก่รัสเซีย ขณะที่ รัสเซียก็กำลังฝึกนักบินอิหร่านด้วยเครื่องบินรบ ‘Sukhoi Su-35’ โดยอิหร่านอาจได้รับการส่งมอบเครื่องบินดังกล่าวภายในปีนี้ 


“เครื่องบินรบเหล่านี้จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกองทัพอิหร่านอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในภูมิภาค”


“รัสเซียกำลังมองหาความร่วมมือกับอิหร่านในด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาอาวุธ การฝึกอบรม สหรัฐฯ กลัวว่า รัสเซียตั้งใจที่จะจัดหาอุปกรณ์ทางทหารขั้นสูงให้แก่อิหร่าน รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ และระบบป้องกันภัยทางอากาศ” เคอร์บี กล่าว 


---ยูเครนยัน รัสเซียใช้โดรนอิหร่านโจมตี---


มหาอำนาจตะวันตก ได้กล่าวหาว่า การจัดส่งโดรนอิหร่านให้แก่รัสเซีย เพื่อใช้ในการสู้รบกับยูเครน และรัสเซียได้นำมาใช้โจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน นอกจากนี้ ยูเครน ยังได้ออกมากล่าวโทษว่า อิหร่านได้จัดส่งโดรนกามิกาเซ่ให้แแก่รัสเซีย และโดรนดังกล่าว ได้สังหารประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 8 คน เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ยิ่งตอกย้ำความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา 


“รัสเซียได้ใช้โดรนอิหร่านในการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน, ทำให้ชาวยูเครนนับล้านขาดพลังงาน ความร้อน และบริการที่สำคัญ ทุกวันนี้ประชาชนชาวยูเครนกำลังจะตาย อันเป็นผลจากการกระทำของอิหร่าน...อิหร่านกลายเป็นผู้หนุนหลังทางการทหารระดับสูงของรัสเซีย” เคอร์บี กล่าว 


อย่างไรก็ตามในช่วงเริ่มต้นอิหร่านได้ออกมาปฏิเสธถึงข้อกล่าวหาการส่งโดรนให้แก่รัสเซีย ต่อมาอิหร่านได้ยอมรับว่าจัดส่งโดรนให้แก่รัสเซียบางส่วน แต่เป็นการจัดส่งก่อนที่รัสเซียจะเปิดใช้ปฏิบัติการทางทหารในยูเครนเป็นเวลาหลายเดือน แต่โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีของยูเครน ออกมาเผยว่า คำกล่าวอ้างของอิหร่านเป็นเรื่องโกหก และกล่าวเพิ่มว่า ยูเครนได้ยิงโดรนของอิหร่านตกประมาณวันละ 10 ลำ 


---ข้อตกลงที่เลวร้าย---


หลังการออกมาแสดงความคิดเห็นของเคอร์บี ทางด้านเจมส์ เคลฟเวอร์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหราชอาณาจักร ออกแถลงการณ์โดยมุ่งเป้าไปที่ ‘ข้อตกลงที่เลวร้าย’ ระหว่างรัสเซีย และอิหร่านว่า อิหร่านได้จัดส่งโดรนให้แก่รัสเซีย เพื่อแลกกับการสนับสนุนทางทหาร และทางเทคนิคจากรัสเซีย สิ่งนี้จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้กับพันธมิตรของสหราชอาณาจักรในตะวันออกกลาง และความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศกำลังคุกคามความมั่นคงโลก


เคลฟเวอร์ลี ยังให้สัญญาว่า สหราชอาณาจักรจะยังเดินหน้าเปิดโปงความสัมพันธ์ของพันธมิตรอันสิ้นหวังนี้ต่อไป และทั้ง 2 ประเทศจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำที่เกิดขึ้น และกล่าวว่า สหราชอาณาจักรเห็นพ้องกับสหรัฐฯ ที่ว่า การสนับสนุนของอิหร่านต่อกองทัพรัสเซียจะเติบโตขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากรัสเซียพยายามที่จะครอบครองอาวุธให้มากขึ้น รวมถึงขีปนาวุธหลายร้อยลูก


ส่วนรัสเซีย ได้กล่าวหาว่า การจัดส่งอาวุธของชาติตะวันตกให้แก่ยูเครน กำลังตกอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดี ไม่ใช่แค่ในยุโรป แต่ยังรวมถึงแอฟริกา และตะวันออกกลาง 


วาซิลี เนเบนยา ผู้แทนถาวรของรัสเซียประจำสหประชาชาติ อ้างความเห็นที่ผ่านมาของมูฮัมมาดู บูฮารี ประธานาธิบดีไนจีเรีย ซึ่งกล่าวไว้ว่า อาวุธ และเครื่องบินรบจากยูเครนกำลังเดินทางไปยังภูมิภาคทะเลสาบชาด เพื่อช่วยเหลือกลุ่มหัวรุนแรง 

 

คริสทีน ซาลูเมย์ จากสำนักข่าว Al Jazeera กล่าวถึงคำพูดของบาร์บารา วู้ดเวิร์ด ผู้แทนถาวรของสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติว่า สหราชอาณาจักรเชื่อว่า การซื้ออาวุธจากอิหร่านเป็นการผิดข้อตกลงระหว่างประเทศ และนอกเหนือไปจากโดรน เธอกล่าวหาว่า รัสเซียได้พยายามที่จะรับขีปนาวุธจากอิหร่าน และพยายามทำข้อตกลงกับหลายประเทศ เช่น เกาหลีเหนือ


ทั้งนี้ คำกล่าวของวู้ดเวิร์ด มีขึ้นก่อนการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในวันศุกร์ (9 ธันวาคม) และเธอไม่ได้กล่าวถึงคำกล่าวอ้างของเนเบนยาโดยตรง พร้อมระบุว่า “ยูเครนมีสิทธิที่จะปกป้องตนเองจากรัสเซีย” 


ด้านเพนนี หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวในแถลงการณ์วันนี้ (10 ธันวาคม) ว่า การจัดส่งโดรนให้แก่รัสเซีย เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงบทบาทของอิหร่าน ในการทำลายความมั่นคงโลก สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เน้นย้ำว่า ผู้ให้การสนับสนุนด้านอาวุธแก่รัสเซีย จะต้องเผชิญกับผลที่ตามมา 


นอกจากนี้ หว่องยังได้ประกาศมาตรการกับประชาชน 19 คน และ 2 บริษัท รวมถึงตำรวจศีลธรรมของอิหร่าน ต่อการกระทำที่รุนแรงกับผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาล หลังจากการเสียชีวิตของมาร์ชา อามินี วัย 22 ปี ระหว่างถูกควบคุมตัวเมื่อต้นปีนี้ 


---ปูตินผิดหวังถ้อยแถลงแมร์เคิล---


ขณะเดียวกัน วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย ออกมาเปิดเผยว่า ประเทศใดก็ตามที่เปิดใช้การโจมตีอาวุธนิวเคลียร์กับรัสเซียจะต้อง “ถูกกวาดล้าง” และกล่าวว่า อาวุธของรัสเซียอาจตอบโต้อย่างรุนแรง 


นอกจากนี้ เขายังแสดงออกถึงความผิดหวังต่อแถลงการณ์ไม่นานมานี้ของอดีตนายกฯ อังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี ที่ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Zeit เมื่อวันพุธ (7 ธันวาคม) ที่ผ่านมา เกี่ยวกับประเด็นของยูเครน และข้อตกลงกรุงมินสก์ โดยแมร์เคิล กล่าวว่า ข้อตกลงกรุงมินสก์เป็นความพยายามที่จะให้เวลาแก่ยูเครนในการสร้างกองกำลังป้องกันของตนเอง 


“คู่สัญญาในข้อตกลงกรุงมินสก์ ซึ่งนำไปสู่การหยุดยิงระหว่างยูเครน และผู้แบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียในปี 2014 และ 2015 ได้หักหลังรัสเซียด้วยการจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครน” ปูติน กล่าว 


รัสเซียได้ตีความถ้อยแถลงของแมร์เคิล มีความหมายว่า แผนสันติภาพของข้อตกลงกรุงมินสก์ ได้ข้อสรุปเพียงอย่างเดียวว่า เพื่อให้ยูเครนมีเวลาติดอาวุธ และเตรียมพร้อมสำหรับสงครามกับรัสเซียเท่านั้น 


“พูดตามตรง นี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับผมจริง ๆ มันช่างน่าผิดหวัง ผมไม่ได้คิดเลยว่าจะได้ยินสิ่งนี้จากอดีตนายกฯ เยอรมนี” ปูติน กล่าวกับนักข่าวในคีร์กีซสถาน


“ผมคิดว่ามาตลอดเลยว่า ผู้นำของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีจะมีความจริงใจต่อเรา” 


“แต่สำหรับผมแล้ว ดูเหมือนว่า ผู้นำของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีมีความจริงใจเสมอในการพยายามหาทางแก้ไขบนพื้นฐานของหลักการที่เราได้ตกลง และที่ได้บรรลุไว้ ภายใต้กรอบของกระบวนการข้อตกลงกรุงมินสก์” ปูติน กล่าว 

—————

แปล-เรียบเรียง: พรวษา ภักตร์ดวงจันทร์

ภาพ: Reuters 


ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.aljazeera.com/news/2022/12/9/us-warns-of-expanding-russia-iran-defence-partnership

https://www.bbc.com/news/world-europe-63921007

ข่าวที่เกี่ยวข้อง