รีเซต

สธ.ย้ำ! ตัวเลขโควิดพลิกแตะหมื่นไม่น่ากังวล เผยวัคซีนครอบคลุม 7 กลุ่มโรค สูงถึง 105%

สธ.ย้ำ! ตัวเลขโควิดพลิกแตะหมื่นไม่น่ากังวล เผยวัคซีนครอบคลุม 7 กลุ่มโรค สูงถึง 105%
มติชน
4 กุมภาพันธ์ 2565 ( 14:49 )
72
สธ.ย้ำ! ตัวเลขโควิดพลิกแตะหมื่นไม่น่ากังวล เผยวัคซีนครอบคลุม 7 กลุ่มโรค สูงถึง 105%

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค สธ. แถลงอัพเดตสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า วันนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพิ่มขึ้น 2.9 แสนโดส สะสม 116.1 ล้านโดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 52.4 ล้านโดส ครอบคลุม ร้อยละ 75.4 ของประชากร เข็มที่ 2 จำนวน 48.7 ล้านโดส ครอบคลุม ร้อยละ 70.1 และเข็มที่ 3 อีก 14.9 ล้านโดส ครอบคลุม ร้อยละ 21.4 ทั้งนี้ จำแนกตามกลุ่มเป้าหมาย พบว่า ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว 4.9 ล้านราย จากเป้าหมาย 4.7 ล้านราย คิดเป็น ร้อยยละ 105.7 ส่วนผู้อายุมากกว่า 60 ปี ฉีดเข็มที่ 1 แล้ว 8.3 ล้านราย จากเป้าหมาย 12.7 ล้านราย คิดเป็น ร้อยละ 66

 

 

“ตัวเลขนี้มีความสำคัญ เนื่องจากไม่ใช่เปอร์เซ็นต์วัคซีนในภาพรวมเท่านั้นที่มีผลต่อการควบคุมโรค แต่กลุ่มเสี่ยงเป็นกลุ่มที่เรามุ่งเน้นให้เข้าถึงวัคซีนมากที่สุด” นพ.เฉวตสรร กล่าว

 

นพ.เฉวตสรร กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลก พบว่า วันที่ 27 มกราคม 2565 เป็นวันที่ทั่วโลกพบผู้ติดเชื้อสูงสุดในระลอกสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งได้ผ่านมาแล้ว ส่วนผู้เสียชีวิตยกตัวขึ้นบ้าง แต่ไม่ได้สูง ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าเชื้อโอไมครอนไม่ได้มีความรุนแรง แต่หากติดเชื้อมาก ก็จะพบอัตราเสียชีวิตสูงขึ้นได้ ขณะที่ ประเทศแอฟริกาใต้ ผ่านพ้นจุดสูงสุดของการติดเชื้อไปตั้งแต่ก่อนปีใหม่ ประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส ก็เช่นกัน ซึ่งตอนนี้การติดเชื้อลดลง แต่การเสียชีวิตเพิ่มเล็กน้อยแต่ไม่เท่ากับตอนสายพันธุ์เดลต้า

 

นพ.เฉวตสรร กล่าวต่อไปว่า สำหรับประเทศไทย ข้อมูลการติดเชื้อเฉลี่ย 7 วัน พบว่าเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2565 มีการติดเชื้อสูงสุดของระลอกเดือนมกราคม 2565 อย่างไรก็ตาม วันนี้มีผู้ติดเชื้อใหม่ 9,909 ราย เสียชีวิต 22 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 516 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 105 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่คงตัวจาก 2 สัปดาห์ที่แล้ว แต่ขณะนี้กราฟการติดเชื้อมีการยกตัวสูงขึ้น

 

 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า จำแนกกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,909 ราย พบว่า อายุ 30-49 ปี มีอัตราติดเชื้อสูงที่สุด ร้อยละ 32.9 ส่วนที่เรากังวลการติดเชื้อในเด็ก วันนี้พบอายุ 0-9 ปีเพียง ร้อยละ 10.3 ซึ่งปัจจัยเสี่ยงยังลักษณะเดิมคือ กิจกรรมที่พบปะกัน ร่วมงานสังสรรค์ที่เปิดหน้ากากอนามัย ทำให้เรายังพบคลัสเตอร์นี้อยู่ถึงร้อยละ 48 ส่วนผู้สัมผัส พบร้อยละ 47 การตรวจ ATK ร้อยละ 4 และ บุคลากรแพทย์สาธารณสุข ร้อยละ 0.6

 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นต้นมา ตัวเลขติดเชื้อดูเหมือนจะขึ้นไปในเส้นสีเทา คือติดเชื้อสูงสุด แต่หลังจากมีมาตราการควบคุมโรค ทำให้เรารักษาระดับมาอยู่ในเส้นสีเขียวคือสถานการณ์ดีที่สุด สอดคล้องกับตัวเลขการเสียชีวิตที่เราร่วมมือกันรักษาระดับได้ต่ำกว่าเส้นสีเขียว

 

“ในวันนี้ที่พบผู้ติดเชื้อ 9.9 พันราย ใกล้ถึงหมื่นราย ซึ่งหลายคนอาจจะกังวล ในส่วนนี้ เราจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนทุกคนด้วยมาตรการ VUCA ไปฉีดวัคซีนกระตุ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสียง 608 รักษาการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และล้างมือเสมอ ตรวจ ATK และสถานประกอบการทำมาตรการ Covid-19 free settings” นพ.เฉวตสรร กล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง