วิกฤตชัตดาวน์ป่วนการบินสหรัฐฯ รัฐบาลสั่งลดปริมาณเดินทาง

สายการบินในสหรัฐฯ ต้องเร่งลดเที่ยวบินลงร้อยละ 4 ที่สนามบินหลักกว่า 40 แห่ง หลังรัฐบาลประกาศตัดลดการเดินทางทางอากาศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยให้เหตุผลด้าน “ความปลอดภัยในการควบคุมการจราจรทางอากาศ” อันเป็นผลมาจากภาวะ “การปิดหน่วยงานของรัฐบาล” (government shutdown) ที่ยืดเยื้อยาวนานเป็นประวัติการณ์ ซึ่งล่วงเลยมา 37 วันแล้ว 

บรูซ ซิมเมอร์ ที่ปรึกษาทางธุรกิจ ซึ่งเดินทางบ่อย กล่าวว่า “มันยุ่งเหยิงมาก และเราก็ต้องรับมือกับมัน ขณะเดียวกัน ดอว์น มอร์ริส ผู้เดินทางอีกคนหนึ่งแสดงความไม่พอใจว่า “มันแย่มากที่รัฐบาลส่งผลกระทบต่อการเดินทางแบบนี้ ช่วงวันหยุดกำลังจะมาถึง และถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไป มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน” ส่วน สตีฟ โดแลสก์ นักบินเครื่องบินส่วนตัว กล่าวว่า การเดินทางของเขายังไม่ได้รับผลกระทบ แต่ก็แสดงความกังวลว่า “สถานการณ์มันจะแย่ลงแน่ ๆ” และหวังว่าจะ “มีการเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกัน”

มาตรการลดเที่ยวบินซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เวลา 6.00 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ หรือตรงกับ 18.00 น.ตามเวลาในไทย มีผลกระทบต่อเที่ยวบินราว 700 เที่ยว จากสายการบินรายใหญ่ 4 ราย ได้แก่ อเมริกันแอร์ไลน์, เดลต้าแอร์ไลน์, เซาท์เวสต์แอร์ไลน์ และยูไนเต็ดแอร์ไลน์ โดยตัวเลขการลดเที่ยวบินอาจเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6 ในวันอังคาร และสูงถึงร้อยละ 10 ภายในวันที่ 14 พฤศจิกายน หากการปิดหน่วยงานของรัฐบาลยังไม่สิ้นสุด 

สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือเอฟเอเอ (FAA) ระบุว่า อาจมีเที่ยวบินได้รับผลกระทบมากถึง 4,000 เที่ยวต่อวัน อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าว ไม่ครอบคลุมเที่ยวบินระหว่างประเทศ

รายงานข่าวล่าสุดจากบีบีซี ระบุว่า มีเที่ยวบินมากกว่า 2,000 เที่ยวภายในสหรัฐฯ ถูกยกเลิกหรือเกิดความล่าช้าในวันศุกร์ หลังจากสายการบินได้รับคำสั่งให้ “ลดปริมาณการเดินทางทางอากาศ” ระหว่างที่รัฐบาลยังคงปิดทำการ 

สนามบินทั่วประเทศกำลังเผชิญกับ ปัญหาขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ ซึ่งบางส่วน “ลาป่วย” หรือ “ทำงานเสริม” เนื่องจากต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างระหว่างที่รัฐบาลกลางยังปิดทำการอยู่