หุ้นสหรัฐฯรอตัวเลข PPI หุ้น TSLA +5.9% ทำนิวไฮ
#หุ้นต่างประเทศ #ทันหุ้น - บทวิเคราะห์ โดย บล.เอเซียพลัส
ตลาดการเงิน (FedWatch Tool) ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นมาที่ 99% (vs. 78% สัปดาห์ก่อน) ว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมสัปดาห์หน้า (17-18 ธ.ค.) หลังรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯออกมาตามคาดการณ์ของตลาด และเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำให้ปิด บวก +1.3% สู่ระดับ $2,734/Ounce
ทั้งนี้ ตลาดให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเช่นกันในการประชุมเดือน ม.ค. 2568 ถึง 80% (vs. 64% สัปดาห์ก่อน) ว่า Fed มีโอกาสคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 2.7% YoY ในเดือน พ.ย. ตาม คาดการณ์ของตลาด (vs. เดือนก่อน 2.6%) ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน หรือ Core CPI (เงินเฟ้อที่ไม่รวม ราคาอาหารและพลังงาน) ทรงตัวเท่ากับเดือนก่อนที่ระดับ 3.3% YoY
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ (ดัชนี S&P500 +0.8% และ Nasdaq +1.8%) ด้วยแรงหนุนจากการคาดการณ์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงของ Fed เช่นกัน โดยราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นแรง อาทิ Alphabet +5.5%, Nvidia +3.1% และ Amazon+2.3%
ด้านราคาหุ้น Broadcom +6.6% หลังมีรายงานว่าบริษัท Apple กำลังร่วมมือกับ Broadcom ในการพัฒนาชิป เซิร์ฟเวอร์ที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษสำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขณะที่ราคาหุ้น Tesla +5.9% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังตลาดมองว่าธุรกิจของบริษัทจะได้รับประโยชน์อย่างต่อเนื่องหลัง Trump ชนะการเลือกตั้ง
ราคาน้ำมันดิบปิดพุ่งขึ้น 2.5% แตะระดับ USD 70/bbl หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน ของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เผยระดับสต๊อกน้ำมันดิบลดลง 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลงเพียง 1.0 ล้านบาร์เรล
ด้าน Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้แสดงความเห็นผ่านโซเชียลมีเดียสนับสนุนการอนุมัติมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม อันเนื่องมาจากการที่รัสเซียรุกรานยูเครนและก่อให้เกิดการทำสงคราม โดยจะพุ่งเป้าไปที่กองเรือที่ลักลอบขนส่งน้ำมันของรัสเซีย
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าวเตือนชาวรัสเซียให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังชาติตะวันตก (สหรัฐฯ แคนาดา และสหภาพยุโรป) ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตกต่ำลงระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตก
ขณะที่ OPEC ได้ออกรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือน ธ.ค. โดยระบุว่า อุปสงค์น้ำมันโลกในปีนี้จะมีการขยายตัว 1.61 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.82 ล้านบาร์เรลต่อวัน สำหรับในปีหน้า OPEC คาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะขยายตัว 1.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงจาก คาดการณ์เดิมเช่นกันที่ระดับ 1.54 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ตลาดเฝ้ารอผลการประชุม Central Economic Work Conference (CEWC) ซึ่งจะสิ้นสุดในวันนี้ (12 ธ.ค.) โดยการประชุมนี้เกิดขึ้นหลังจากที่คณะกรมการเมืองของจีน (Politburo) ส่งสัญญาณผ่อนคลายเชิงนโยบายที่ชัดเจนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย China Merchants Bank International (CMB) คาดว่าจีนจะยังคงเป้าหมายการเติบโตที่ 5% เพื่อแสดงความมั่นใจโดยนโยบายสำคัญจะเน้นไปที่เสถียรภาพตลาดที่อยู่อาศัยและตลาดหุ้น การกระตุ้นการบริโภค และการส่งเสริมนวัตกรรมเทคโนโลยี ขณะที่อัตราการขาดดุลงบประมาณและสภาพคล่องทางการเงินจะเพิ่มขึ้น ส่วน RRR และ อัตราดอกเบี้ยจะลดลง โดย CMBI คาดว่าอัตราแลกเปลี่ยน USD/RMB จะอ่อนค่าขึ้นมาที่ 7.5 หยวน ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หากสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้า 30% และจะอยู่ที่ระดับ 7.8 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หากเพิ่มเป็น 60% ซึ่งสอดรับกับรายงานข่าวที่ว่าทางการจีนอาจปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงในปีหน้าเพื่อรับมือกับความท้าทายในเรื่องเศรษฐกิจและนโยบายปรับเพิ่มภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
- วันนี้ติดตามผลประชุม ECB ซึ่งตลาดคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bps จากโมเมนตัมเศรษฐกิจที่อ่อนแอและสอดคล้องกับการส่งสัญญาณของกรรมการ ECB ก่อนหน้านี้
ขณะที่วันนี้ทางสภาล่างญี่ปุ่นอาจมีการลงมติเห็นชอบร่างงบประมาณเพิ่มเติม 2567 (วงเงิน 13.9 ล้านเยน)ที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี Ishiba ได้เสนอไปก่อนหน้านี้ ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ สหรัฐฯ จะมีรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของเดือน พ.ย. (ตลาดคาด 2.6% vs. เดือนก่อน 2.4%) และยอดขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ณ สัปดาห์สิ้นสุด 7 ธ.ค. (ตลาดคาด 220k vs. สัปดาห์ก่อน 224k)
ดัชนี Hang Seng (HS) -0.77%%, Hang Seng China Enterprises (HSCE) -0.78% และ Hang Seng TECH (HSTECH)-1.31% หลังจากที่ทั้งสามดัชนีปรับตัวขึ้นแรงในช่วงต้นสัปดาห์ ความสนใจมุ่งไปที่การประชุม Central Economic Work Conference (CEWC) ซึ่งเป็นการประชุมสองวันที่เริ่มต้นในวันนี้ โดยการประชนนี้เกิดขึ้นหลังจากที่คณะกรมการเมืองของจีน (Politburo) ส่งสัญญาณผ่อนคลายเชิงนโยบายที่ชัดเจนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
- China Merchants Bank International (CMBl) รายงานว่าจีนจะมุ่งเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2568โดยยังคงเป้าหมายการเติบโตที่ 5% เพื่อแสดงความมั่นใจ นโยบายสำคัญจะเน้นไปที่เสถียรภาพตลาดที่อยู่อาศัยและตลาดหุ้น การกระตุ้นการบริโภค และการส่งเสริมนวัตกรรมเทคโนโลยี นโยบายเศรษฐกิจจะผ่อนคลายมากขึ้น โดยอัตราการขาดดุลงบประมาณและสภาพคล่องทางการเงินจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ RRR และอัตราดอกบี้ยจะลดลง อัตราแลกเปลี่ยน USD/RMB คาดว่าจะเพิ่มเป็น 7.5 หากสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้า 30% และแตะ 7.8หากเป็น 60% รวมถึง CMBI มองว่า GDP จะเติบโต 5.1% ในครึ่งปีแรกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จะชะลอตัวเหลือ 4.3-4.7% ในครึ่งปีหลังเนื่องจากผลประโยชน์จากนโยบายจะค่อยๆลดลงและท่ามกลางขัดแย้งทางการค้าที่ปรากฏขึ้น ทำให้คาดว่า GDP จะลดลงจาก 4.9% ในปี 2567 เหลือ 4.7% ในปี 2568 และ 4% ในปี 2569
- ขณะที่ Reuters รายงานว่ารัฐบาลจีนอาจปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงในปี 2568 เพื่อลดผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของ Donald Trump ตามการอ้างอิงจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการอ่อนค่าเงินหยวนจะช่วยลดราคาสินค้าส่งออกของจีน เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสร้างสภาพแวดล้อมทางการเงินที่ผ่อนคลายในประเทศ มาตรการนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการรับมือสงครามการค้าและรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ
- BOCI รายงานว่าภาคพลังงานโดยรวมของจีนมีความน่าสนใจกว่าภาคพลังงานแสงอาทิตย์ในปี 2568 แม้ว่าความคาดหวังในห่วงโซ่อุปทานพลังงานแสงอาทิตยจะเผชิญแรงกดดันจากสต๊อกสินค้าและอุปทานที่ลดลง แต่ความไม่แน่นอนของการเติบโตในความต้องการยังคงเป็นความเสี่ยงหลัก ขณะที่คาดว่าภาคพลังงานจะยังให้ผลตอบแทนที่ดีในปี 2568 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เน้นตัวเลือกปลอดภัยในตลาดจีนและฮ่องกง (โดยพลังงานนิวเคลียร์จะยังคงเป็นจุดสนใจสำคัญจากการสนับสนุนระดับโลก
BOCI ชื่นชอบหุ้น CGN Mining(1164 HK) ในกลุ่มพลังงานนิวเคลียร์ และแนะนำ China Resources Power (836 HK) EB Environment (257 HK) ในกลุ่มพลังงานทั่วไป BOCI ยังคงคำแนะนำ "Overweight" สำหรับภาคพลังงานโดยรวม และ "Neutral" สำหรับภาคพลังงานแสงอาทิตย์