รีเซต

สธ.แจงปม 6พยาบาล เป็นเพื่อนกัน มีสัมพันธ์นอกเวลางาน-ไม่ได้ป้องกันตัว

สธ.แจงปม 6พยาบาล เป็นเพื่อนกัน มีสัมพันธ์นอกเวลางาน-ไม่ได้ป้องกันตัว
มติชน
10 ธันวาคม 2563 ( 16:15 )
73

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค สธ. แถลงถึงกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ 1 รายล่าสุด โดยเป็นผู้หญิงอายุ 29 ปี ที่ทำงานอยู่ที่สถานที่กักกันทางเลือกที่ทางรัฐกำหนด

 

นพ.โสภณ กล่าวว่า รายนี้เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของผู้ป่วยกลุ่มบุคลากรการแพทย์ที่มีการรายงานไปแล้ว จึงถือเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงสูง 31 ราย ที่อยู่ในการดูแลอยู่แล้ว ซึ่งจากการตรวจเชื้อครั้งแรกวันที่ 5 ธันวาคม ไม่พบเชื้อ แต่เมื่อตรวจครั้งที่ 2 ในวันที่ 8 ธันวาคม ก็พบติดเชื้อและนับเป็นผู้ติดเชื้อรายที่ 6 ของกลุ่มนี้ ส่วนผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงในกลุ่มเดียวกันนี้ตรวจครั้งที่ 2 ไม่พบเชื้อ และโรงพยาบาล (รพ.) บีเอ็นเอช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลต้นสังกัด ก็มีการตรวจบุคลากรอื่นๆ ในโรงพยาบาลเพิ่มเติม ซึ่งไม่ได้เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 745 ราย โดยผลตรวจไม่พบเชื้อ ขณะที่การตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เป็นผู้สัมภาษณ์งาน ที่ รพ.รัฐแห่งหนึ่ง 7 คน คนในครอบครัวกว่า 20 คน เพื่อร่วมงานในสถานที่กักกันทางเลือก 2 แห่ง 34 คน ทั้งหมดไม่พบเชื้อเช่นกัน

 

นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับไทม์ไลน์บุคลากรการแพทย์ ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อยืนยัน 1 ราย มีการเดินทางด้วยรถขนส่งมวลชน 1 ราย ในการเดินทางไปสมัครงานที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งนั้น ขอชี้แจงว่า รายนี้ คือผู้ป่วยรายที่ 1 ซึ่งเป็นรายแรก เป็นหญิง อายุ 26 ปี ที่ทำให้เราทราบว่ามีรายเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการสอบสวนและพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 5 รายนั้น รวมเป็น 6 รายในวันเดียวกันนี้ ตามไทม์ไลน์ คือ รายที่ 1 เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม แต่มีกิจกรรมก่อนหน้านี้ โดยทำงานอยู่ที่สถานที่กักกันทางเลือกที่โรงแรมเลอเมอริเดียน ถนนสีลม ระหว่างวันที่ 24-26 พฤศจิกายน มีการเข้าไปทำการวัดไข้ผู้ที่ได้รับการกักกันโรค โดยมีการสวมใส่ชุดป้องกันและผลการตรวจของผู้กักตัวขณะนั้นยังตรวจไม่พบเชื้อ ต่อมาวันที่ 28 พฤศจิกายน ไปทำงานที่สถานที่กักกันทางเลือกอีกแห่งหนึ่ง คือ โรงแรมพูลแมน จี (Pullman G) ถนนสีลม โดยมีการวัดไข้ผู้กักตัว ซึ่งในวันนั้นยังไม่พบการติดเชื้อเช่นกัน

 

นพ.โสภณ กล่าวว่า ส่วนนอกเวลางาน กลับมาพักกับผู้ป่วยรายที่ 2 เป็นหญิง อายุ 40 ปี และรายที่ 4 เป็นหญิงอายุ 25 ปี ซึ่งขณะที่อยู่ด้วยกันนอกเวลางานไม่ได้มีการสวมหน้ากากอนามัย มีการใช้ห้องน้ำร่วมกัน ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ก็ไปปฏิบัติงานที่ห้องไอซียู และมีการสวมชุดป้องกันเต็มรูปแบบ มีการแวะซื้อยำหน้าหอพักที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยมีการสวมหน้ากากอนามัยตามปกติ จากนั้นวันที่ 1 ธันวาคม มีการทำงานที่สถานที่กักกันทางเลือกคือ ที่โรงแรมพูลแมน จี ถนนสีลม โดยรับเวรต่อจากผู้ป่วยรายที่ 3 เป็น หญิง อายุ 32 ปี และรายที่ 5 เป็น ชาย อายุ 27 ปี จากนั้นมีการเดินทางไปสัมภาษณ์งานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนฯ เดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) เป็นเวลา 10 นาที ช่วงเวลาประมาณ 10.00-10.15 น.ขากลับเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสาทรลงที่สถานีสีลม ในช่วงเวลา 14.00-14.00 น. จะเห็นว่าการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะยังไม่มีอาการป่วยและมีการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา

 

“ป่วยจริงๆ คือวันที่ 3 ธันวาคม ซึ่งเริ่มมีอาการไข้ ก็ได้รายงานตัวกับผู้บังคับบัญชา ที่โรงพยาบาลต้นสังกัด คือ บีเอ็นเอ็ช และในช่วงเย็นมีการเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) และวันรุ่งขึ้นมีอาการมากขึ้นก่อนจะพบว่ามีการติดเชื้อโควิค-19” นพ.โสภณ กล่าวและว่า จะเห็นได้ว่าเมื่อมีอาการและตรวจพบเชื้อก็เข้าสู่การดูแลรักษาในโรงพยาบาลอยู่ในการดูแลของแพทย์ ดังนั้น กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับรถขนส่งสาธารณะเกิดขึ้นก่อนที่จะมีอาการป่วยอีกทั้งยังมีการสวมหน้ากากอนามัยด้วย ซึ่งกรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมกับกรมควบคุมโรค ได้มีการติดตามในจุดที่มีโอกาสเจอผู้สัมผัสเสี่ยงพบว่าเป็นความเสี่ยงต่ำ เพราะสวมหน้ากากระหว่างเดินทาง แต่ถ้าใครสงสัยว่าอยู่ในเหตุการณ์ตามไทม์ไลน์นี้สามารถรายงานตัวกับโรงพยาบาล และหน่วยงานสาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้านได้ หรือ โทร.ที่สายด่วน 1422 เพื่อให้คำแนะนำเพิ่มเติม

 

นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับกรณีพบบุคลากรทางการแพทย์ 6 รายที่ติดเชื้อนั้น จะพบว่าทั้งหมด เป็นเพื่อนกันมีความสัมพันธ์กันนอกเวลางาน ซึ่งเป็นเวลาที่ไม่ได้มีการป้องกันตัวเหมือนกับช่วงที่ปฏิบัติงาน ดังนั้น ขอเน้นย้ำไปยังบุคลากรการแพทย์ ผู้ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับสถานที่กักกันโรค ขอให้สังเกตตัวเองและระมัดระวังตัวในการรับเชื้อ และแพร่เชื้อ ตลอดเวลาทั้งในเวลางานและนอกเวลางาน ต้องมีการสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ หากมีอาการป่วยจะต้องรายงานต่อผู้บังคับบัญชาทันที

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง