MTI ผ่านบททดสอบโควิด ปี64กำไรโต-ปันผล5.20บ.

นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTI แจ้งตลาดหลักทรัพย์ถึงผลประกอบการบริษัทปี 2564 ในส่วนของงบการเงินรวม มีกำไรสุทธิ 767.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.87% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนหน้า 590.90 ล้านบาท

กำไรที่เพิ่มขึ้นเกิดจากปัจจัยหลายด้าน คือ บริษัทมีรายได้จากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับภาวะตลาดหุ้นในปี 2564ที่ปรับตัวในทิศทางที่ดี เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีความผันผวนสูง โดยงบปี 2564 บริษัทมีรายได้และกำไรจากการลงทุนในหลักทรัพย์ และรายได้อื่นสุทธิ อยู่ที่ 618.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 202.69 ล้านบาท หรือคิดเป็น 48.73% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งมีรายได้ลงทุนและรายได้อื่น 415.93 ล้านบาท

คุมเคลมอยู่หมัด

อย่างไรก็ตามบริษัทมีการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันโควิด-19 โดยมีการเสนอขายถึงไตรมาส 3/2564 ทำให้มีค่าสินไหมในส่วนของเคลมโควิด-19 สูงขึ้น รวมถึงมีเคลมจากอุทกภัยในไตรมาส 3/2564 เพิ่มขึ้น แต่ MTI มีการจัดทำประกันภัยต่อไปยังบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศที่มีเครดิตแข็งแกร่ง ทำให้มีผลกระทบไม่มาก

ขณะเดียวกันในส่วนของประกันภัยรถยนต์ เนื่องจากมีอัตราค่าสินไหมทดแทนลดลงมาก และลดลงต่อเนื่องจากปี 2563 จึงส่งผลดีต่องบการเงินของบริษัทในภาพรวม ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัทยังได้มีการปรับอัตราเบี้ยประกันภัยให้เหมาะสม สอดคล้องกับความเสี่ยง มีการลดสัดส่วนในงานช่องทาง และประเภทผลิตภัณฑ์ที่ผลการรับประกันภัยไม่เข้าเกณฑ์ รวมทั้งการบริหารจัดการสินไหมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ในปี 2564 บริษัทมีค่าใช้จ่ายสินไหมทดแทนสุทธิออยู่ที่ 3,972.29 ล้านบาท ลดลง 9.26%

ในส่วนของเบี้ยประกันภัยรับรวม ปี 2564 อยู่ที่ 15,556.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.64% เมื่อเทียบกับปี 2563 มีเบี้ยรับรวม 14,724.96 ล้านบาท  โดยเป็นประกันภัยรถยนต์ 8,395.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.74% จากปีก่อนหน้าซึ่งมีเบี้ยอยู่ที่ 7,865.41 ล้านบาท ประกันภัยอื่น 7,160.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.38% จากปีก่อนหน้า มีเบี้ยอยู่ที่ 6,859.54 ล้านบาท

จ่ายปันผล 5.20บาท

ทั้งนี้ MTI เตรียมเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติเงินปันผลเป็นเงินสด 5.20 บาทต่อหุ้น สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2564 รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 306.8 ล้านบาท โดยจะประชุมในวันที่ 26 เม.ย. 2565 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 12 พ.ค. 2565

สำหรับ MTI ที่ผ่านมาบริษัทได้เดินหน้าปรับการปรับตัว และปรับเปลี่ยน เพื่อรองรับและก้าวตามให้ทันต่อสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ตลอดจนกาสรเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค หลังจากที่ถูกไวรัสโควิด-19 และดิจิทัล เข้ามา ดิสรัปชั่น (disturb )ซึ่งบริษัทได้ปรับ Business Model ให้มีความเหมาะสมในทุก ๆ ด้าน เช่นการ การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้มีความสอดคล้องและรองรับความต้องการของผู้บริโภคในตลาดประกันมากขึ้น

การพัฒนาช่องทางการให้บริการ โดยยึดหลักการพัฒนาการให้บริการที่ผสมผสานระหว่าง ช่องทางบริการเดิมที่มีอยู่และช่องทางดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น และเร่งขยายช่องทางใหม่ผ่านความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจในกลุ่มสถาบันทางการเงิน และนอกเหนือจากนั้น ยังได้ขยายช่องทางไปยังแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ อสังหาริมทรัพย์ และแอปพลิเคชันอื่น ๆ เพื่อรองรับความต้องการและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายได้กว้างมากขึ้น

การพัฒนาเทคโนโลยีขององค์กร เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ และรับเทรนด์ InsurTech สร้างการทำงานภายในให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการเงินและบัญชี การจัดซื้อ การเคลมออนไลน์ การนำเทคโนโลยี AI มาช่วยทำงานหลังบ้าน เพื่อปรับตัวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งเสริมการบริหารงานภายในให้มีประสิทธิภาพ ทำงานได้อย่างแม่นยำ