พาณิชย์ประเมิน กรณีปิดชายแดน"ไทย-กัมพูชา" เสี่ยงกระทบการค้า 1.74 แสนล้าน

กรมการค้าต่างประเทศ เผยมูลค่าการค้าชายแดนรวม 5 ด่าน ในพื้นที่ไทย-กัมพูชา มูลค่าการค้ารวม 174,530 ล้านบาท
ชี้หากมีการปิดด่านใหญ่ 3 แห่ง จะทำให้การค้าชายแดนไทย–กัมพูชาหยุดชะงักเกือบทั้งหมด
รายงานข่าวจากกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงผลวิเคราะห์ผลกระทบของการปิดด่านการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา
(ณ วันที่ 8 มิถุนายน 2568) ว่ากรมได้วิเคราะห์ เมื่อมีการปิดด่านชายแดนสำคัญของจะกระทบมูลค้าการค้าชายแดน 4 ด้าน คือ
1) ผลกระทบเชิงพื้นที่
ด่านที่มีบทบาทหลัก ดูจากข้อมูลมูลค่าการค้าในแต่ละด่านศุลกากรสำคัญ (ปี 2567) จะะพบว่า ดังนี้ 1.อรัญประเทศ (สระแก้ว) 110,718 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 63.4% 2.คลองใหญ่ (ตราด) 29,289 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 16.8% 3.จันทบุรี 26,621 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 15.3% 4.ช่องจอม (สุรินทร์) 6,084 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.5% 5.ช่องสะงำ (ศรีสะเกษ) 1,818 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.0% รวม 5 ด่าน มูลค่าการค้ารวม 174,530 ล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม หากปิดด่านอรัญประเทศเพียงแห่งเดียว จะส่งผลต่อมูลค่าการค้ามากกว่า 60% ของทั้งหมด หากปิดด่านคลองใหญ่ จันทบุรี รวมกันอีก 30% ดังนั้น สรุปการปิดด่านใหญ่ 3 แห่งจะทำให้การค้าชายแดนไทย-กัมพูชาหยุดชะงักเกือบทั้งหมด
2) ผลกระทบเชิงโครงสร้างสินค้า
สินค้าส่งออกสำคัญ (ม.ค.-เม.ย. 2568) เครื่องดื่ม, ส่วนประกอบรถยนต์/จักรยานยนต์, เครื่องยนต์, เครื่องจักรกลเกษตรคิดเป็นสัดส่วนกว่า 30% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด
ขณะที่สินค้านำเข้าสำคัญ มันสำปะหลัง, เศษโลหะ (อลูมิเนียม, ทองแดง), ลวดสายไฟ ฯลฯ สินค้าเหล่านี้สำคัญต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องในไทย เช่น อาหารสัตว์, รีไซเคิล, อิเล็กทรอนิกส์ โดยการปิดด่านจะทำให้เกิดความล่าช้า, ต้นทุนเพิ่ม, ห่วงโซ่การผลิตสะดุด
3) ผลกระทบเชิงเวลาและความต่อเนื่อง
แม้ปัจจุบัน (มิถุนายน 2568) จะมีการ “ปรับวันและเวลาเปิด-ปิดด่าน” เฉพาะการควบคุมคนเข้าออก ไม่กระทบการค้าสินค้าโดยรวมแต่ถ้ามีการ “ปิดด่านอย่างถาวร” หรือ “ปิดหลายด่านพร้อมกัน” จะกระทบทันทีในระดับเหล่านี้:ระยะสั้น (0-3 เดือน) : ธุรกิจรายย่อยข้ามแดน เช่น ตลาดชายแดนหยุดชะงัก โลจิสติกส์หยุด/เบี่ยงเบนเส้นทาง
ส่วนระยะกลาง (3-12 เดือน) : ผู้ส่งออกต้องหาตลาดหรือเส้นทางใหม่ อุตสาหกรรมไทยที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าจากกัมพูชาเริ่มกระทบ หากระยะยาว (1 ปี) ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเสถียรภาพพรมแดนลดลง ความสัมพันธ์ทางการค้าอาจเปลี่ยนไปสู่ช่องทางทางทะเลหรือผ่านประเทศอื่นแทน
4) โอกาสในการบริหารความเสี่ยง
หากการปิดด่านเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรพิจารณา คือ 1.การกระจายความเสี่ยงการค้าไปยังด่านอื่นที่ยังเปิดอยู่ 2.การพัฒนาโลจิสติกส์ทางเลือก เช่น รถไฟ, ทางทะเล (ผ่านเวียดนาม/ลาว) 3.การเจรจาระดับทวิภาคี เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสร้างความมั่นใจให้ผู้ค้า
ขณะที่การออกนโยบายความช่วยเหลือด้านการค้า ยังคงต้องรอการประเมินสถานการณ์ก่อน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
