เช็คกลุ่มค้าปลีก ร่วงหรือรุ่ง !
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดว่ากำไรใน Q2/66 ของบริษัทในกลุ่มนี้ที่ได้อานิสงส์โดยตรงจากการกลับมาเปิดประเทศ ซึ่ง ได้แก่ CPALL, MAKRO และ HMPRO จะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ แต่คาดว่ากำไรของ DOHOME และ GLOBAL จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากราคาเหล็กใน Q2/65 อยู่ในขาขึ้น
ทั้งนี้ นโยบายพรรคก้าวไกลทำให้ประมาณการกำไรปี 2567 มีทั้ง upside และdownside ฝ่ายวิจัยได้ศึกษาผลกระทบจากนโยบายห้าข้อของพรรคก้าวไกลต่อประมาณการกำไรปี 2567 ซึ่งได้แก่ i) ของขวัญแรกเกิด 3,000 บาท ii) เงินเด็กเล็กเดือนละ 1,200 บาท จนถึงอายุ 6 ปีiii) เงินดูแลผู้สูงวัยเดือนละ3,000 บาท) iv)ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และ v) ลดราคาสาธารณูปโภค
พบว่านโยบายข้อ i, ii และ iii จะช่วยสนับสนุนการบริโภค ส่วนนโยบายข้อ v จะช่วยลดค่าใช้จ่ายลง ในขณะที่นโยบายข้อ iv จะทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น พบว่าบริษัทส่วนใหญ่ในกลุ่ม commerce ที่เราศึกษาอยู่จะได้รับผลบวกสุทธิจาก นโยบายเหล่านี้ โดยจะมีเพียง DOHOME เท่านั้นที่คาดว่าจะได้รับผลลบสุทธิ ซึ่งจะมาจากด้านต้นทุนเป็นหลัก (การขึ้นค่าแรง) อย่างไรก็ตาม ผลกระทบอาจจะต่ำกว่าที่คาดเอาไว้เพราะบริษัทอาจจะนำมาตรการคุมต้นทุนมาใช้
แนวโน้มปี2567 **
คาดจะฟื้นตัวดีขึ้นทั้งกลุ่ม ยังคงมองว่าผลประกอบการของกลุ่ม commerce จะฟื้นตัวดีขึ้น YoY ในปี 2567เ นื่องจากมีปัจจัย สนับสนุนที่แตกต่างกันไป โดยคาดว่ากำไรของ CPALL และ MAKRO จะเพิ่มขึ้น 16% YoY และ 13% YoY ตามลำดับ เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมา และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงหลังปรับ โครงสร้างหนี้(MAKRO) คาดว่ากำไรของ HMPRO ในปี 2567 จะเพิ่มขึ้น 9% เพราะอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากกลยุทธ์การจำหน่ายสินค้า house brand ในขณะเดียวกัน คาดว่ากำไรของ GLOBAL และ DOHOME ในปี 2567F จะเพิ่มขึ้น 9% และ20% ตามลำดับเนื่องจากราคาเหล็กกลับมาอยู่ระดับปกติ
ฝ่ายวิจัยยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่ม Commerce ที่ Neutral โดยยังคงคำแนะนำและราคาเป้าหมายของหุ้นทุกตัว ในกลุ่มที่ศึกษาอยู่เอาไว้เหมือนเดิม
CPALL แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 72.00 บาท *
MAKRO แนะนำ “ถือ”ราคาเป้าหมาย 44.00 บาท *
HMPRO แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16.50 บาท *
GLOBAL แนะนำ “ถือ”ราคาเป้าหมาย 19.00 บาท *
DOHOME แนะนำ “ถือ”ราคาเป้าหมาย13.20 บาท *