รีเซต

“เวียดนาม” แกร่ง ไม่สะเทือนภาษีทรัมป์ 9 เดือนแรก เกินดุลการค้าสหรัฐฯ พุ่ง 99,000 ล้านเหรียญ

“เวียดนาม” แกร่ง ไม่สะเทือนภาษีทรัมป์  9 เดือนแรก เกินดุลการค้าสหรัฐฯ พุ่ง 99,000 ล้านเหรียญ
TNN ช่อง16
7 ตุลาคม 2568 ( 19:45 )

“เวียดนาม” ไม่สะเทือนภาษีทรัมป์ ล่าสุด 9 เดือนแรก เกินดุลการค้าสหรัฐฯ พุ่ง 99,000 ล้านดอลล์ อานิสงส์เงินดองที่อ่อนค่า-ย้ายฐานการผลิต


สำนักงานสถิติแห่งชาติของเวียดนาม รายงานในวันจันทร์ (6 ตุลาคม 2568) ระบุว่า มูลค่าการนำเข้าและส่งออกรวมของเวียดนามในช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน ) ของปี 2568 อยู่ที่ระดับ 6.81 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17.3% เมื่อเทียบรายปี


ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ราว 3.49 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 3.32 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 18.8% เมื่อเทียบรายปี ส่งผลให้มียอดเกินดุลการค้า 1.68 หมื่นล้านดอลลาร์


รายงานระบุว่า มีสินค้า 7 กลุ่มที่ทำรายได้จากการส่งออกกลุ่มละมากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์ เสื้อผ้า เครื่องหนัง รองเท้า และผลิตภัณฑ์จากไม้


สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เหงียน ฮง เดียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม เปิดเผยว่า หากไม่มีความผันผวนใหญ่ในช่วงเวลาที่เหลือของปี มูลค่าการค้านำเข้า-ส่งออกรวมตลอดปี 2568 คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่มากกว่า 9 แสนล้านดอลลาร์ และคาดว่าดุลการค้าจะเกินดุลมากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์



ด้านสำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า กรมศุลกากรเวียดนาม ได้เปิดเผยว่า เวียดนามมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯสูงถึง 99,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


แม้ว่ายอดส่งออกของเวียดนามไปสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม 2568 ลดลง 2% จากเดือนก่อนหน้า และลดลงในอัตราเดียวกันอีกครั้งในเดือนกันยายน 2568  แต่ยอดเกินดุลรายเดือนยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 12,000 ล้านดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับเดือนก่อน ๆ แม้สหรัฐจะเริ่มบังคับใช้ภาษีแบบตอบโต้ (reciprocal tariff) ในระดับสูง 20% ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568 ทั้งนี้สหรัฐฯจับตามองเวียดนามอย่างใกล้ชิด ในฐานะที่เป็นประเทศที่สหรัฐฯมีการขาดดุลการค้ามากเป็นอันดับ 3 รองจากจีนและเม็กซิโก


สำหรับการส่งออกของเวียดนามไปสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคมและกันยายนยังคงได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอง (dong) ที่อ่อนค่า และอัตราภาษีตอบโต้ที่ยังแข่งขันได้เมื่อเทียบกับประเทศผู้ผลิตคู่แข่ง เช่น อินเดีย ไทย และมาเลเซีย ซึ่งอัตราภาษีอยู่ระหว่าง 19%–50% นอกจากนี้การที่ผู้ผลิตทั่วโลกเร่งกระจายฐานการผลิตออกจากจีน (China+1 strategy) ก็ช่วยหนุนการส่งออกของเวียดนามให้เติบโตต่อเนื่อง


ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเป็น 112,800 ล้านดอลลาร์ โดยสินค้าหลักได้แก่ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า 30,300 ล้านดอลลาร์ และ เครื่องจักรและอุปกรณ์ มูลค่า 17,400 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจากศุลกากรเวียดนาม


อย่างไรก็ตาม ภาษีของสหรัฐฯส่งผลกระทบชัดเจนต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค เช่น เสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ และรองเท้า โดยในเดือนกันยายนการส่งออกสิ่งทอของเวียดนามไปสหรัฐลดลง 20.1% เหลือ 1,400 ล้านดอลลาร์ การส่งออกโทรศัพท์และอุปกรณ์เสริมลดลง 24.4% เหลือ 805 ล้านดอลลาร์ ส่วนการส่งออกรองเท้าแบรนด์ Nike และ Adidas ลดลง 27% เหลือเพียง 612 ล้านดอลลาร์ จากเดือนสิงหาคม


ในทางกลับกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า สินค้าสหรัฐฯ ที่ส่งออกไปยังเวียดนามจะได้รับการยกเว้นภาษี รวมถึงรถยนต์เครื่องยนต์ขนาดใหญ่จากอเมริกา


ข้อมูลศุลกากรเวียดนามแสดงให้เห็นว่าในเดือนกันยายน 2568 ประเทศเวียดนามได้นำเข้ารถยนต์อเมริกัน 136 คัน มูลค่า 8.5 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 40% ของการนำเข้ารถจากสหรัฐฯ ทั้งปีจนถึงปัจจุบัน แต่ยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับรถยนต์จากจีนที่เวียดนามนำเข้าในเดือนเดียวกันกว่า 4,095 คัน


ในเดือนเดียวกัน เวียดนามนำเข้าพลาสติกจากสหรัฐฯ มูลค่า 111 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 27.9% จากเดือนก่อน และนำเข้าอาหารสัตว์ 76 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10.7% แต่การนำเข้าฝ้ายจากสหรัฐลดลง 32.8% เหลือ 81 ล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงความต้องการที่ชะลอตัวในอุตสาหกรรมสิ่งทอภายในประเทศ


ภาพรวมแล้ว เวียดนามมียอดเกินดุลการค้ารวมในช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 ที่ 16,800 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง 7.85% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดอันดับสองสำหรับช่วงเวลาดังกล่าวนับตั้งแต่ปี 2554



ขณะที่เศรษฐกิจเวียดนามยังโตอย่างแข็งแกร่ง โดยล่าสุดในไตรมาส 3 ขยายตัว 8.2% ซึ่งถือเป็นการเติบโตของไตรมาส 3 ที่สูงเป็นอันดับสองนับตั้งแต่ปี 2011 โดยได้แรงหนุนจากภาคการผลิต ก่อสร้าง และบริการ อย่างไรก็ตามรัฐบาลเวียดนามยังต้องเผชิญความท้าทายในการบรรลุเป้าหมายการเติบโตทั้งปีที่ 8.3%–8.5% และเป้าหมายการเติบโตเลขสองหลักในปี 2569


สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนามระบุว่า ประเทศจำเป็นต้องขยายตัวถึง 10.2% ในไตรมาส 4 เพื่อให้บรรลุอัตราการเติบโต 8.5% ทั้งปี ขณะที่ในปี 2567 การเติบโตในไตรมาสสุดท้ายอยู่ที่เพียง 7.6%


โดยสำนักงานประเมินว่าสถานการณ์ที่เป็นไปได้มากที่สุด คือเศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโต ราว 8% ตลอดทั้งปี 2568 ซึ่งต้องการอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 8.4% ในไตรมาสตุลาคม-ธันวาคม 2568 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง