ORIจับตาQ2จัดเต็ม จ่อโอนคอนโดหมื่นล.
#ORI #ทันหุ้น – ORI ผลงานไตรมาส 2/2565 เด้งแรง เตรียมโอนคอนโดหรู มูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ส่วนผลงานไตรมาส 1/2565 กวาดรายได้รวมกว่า 3,776 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 738 ล้านบาท เผยกลุ่มทุนต่างชาติมั่นใจร่วมทุนต่อ ด้านธุรกิจโรงแรมภายใต้วัน ออริจิ้น แนวโน้มรับรู้รายได้เพิ่มหลังคว้าโรงแรมไอบิส 3แห่ง คาดหนุนรายได้แตะ 17,500 ล้านบาท ตามเป้า ฟากโบรกมองไตรมาส 2/2565 กลับมาฟื้นตัวเด่นจากการเริ่มโอนโครงการ JV ขนาดใหญ่ ผลงานครึ่งปีหลังสดใส
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2/2565 เตรียมโอนโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (Park Origin Thonglor) มูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) แล้วกว่า 70% ของมูลค่าโครงการ ซึ่งน่าจะมีส่วนสำคัญต่อยอดโอนและรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 ขณะเดียวกัน ภาพรวมแบ็กล็อกของบริษัทในปัจจุบัน ทั้งกลุ่มโครงการ JV และ Non-JV มีมูลค่ารวมกว่า 35,800 ล้านบาท คาดว่าจะมีส่วนสำคัญให้ยอดโอนในช่วง 3 ไตรมาสที่เหลือเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ไตรมาส 2/2565จะมีการรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากโรงแรมไอบิส (ibis) 3แห่ง ที่เพิ่งดำเนินการซื้อกิจการเสร็จสิ้น และน่าจะได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากการผ่อนคลายมาตรการด้านการท่องเที่ยวและเปิดรับชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น จากปัจจัยทั้งหมดจึงคาดว่ารายได้ของบริษัทในปีนี้จะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ 17,500 ล้านบาท
*ต่างชาติมั่นใจร่วมทุน
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,776 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์ของคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรที่ไม่ได้อยู่ภายใต้กิจการร่วมค้า (Non-JV) กว่า 3,041 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ เช่น ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจบริการ รายได้พิเศษจากกิจการร่วมทุน รวมถึงรายได้จากการบริหารโครงการร่วมทุนที่มีการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 738 ล้านบาท ด้านยอดขายในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 8,149 ล้านบาท เติบโต 6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเติบโต 11% จากไตรมาสก่อน
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่ยังคงรักษาเสถียรภาพได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กลุ่มทุนทั้งไทยและต่างชาติยังคงให้ความสนใจในการพัฒนาโครงการร่วมทุน (Joint Venture Project) กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1/2565 ที่ผ่านมานี้ มีโครงการร่วมทุนเพิ่มขึ้นถึง 5โครงการ โดยมีถึง 4 โครงการที่ได้รับความไว้วางใจจากบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด
*พ้นจุดต่ำสุด
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุถึง ORI ว่า คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 1/2565 เป็นจุดต่ำสุดของปี ก่อนกลับมาฟื้นตัวอย่างมีนัยตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 จากการเริ่มโอนโครงการ JV ขนาดใหญ่อย่าง Park Origin Thonglor รวมถึงคอนโด ORI อีก 2 แห่ง ขณะที่โมเมนตัมจะเป็นบวกต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง 2565 ที่มีแผนส่งมอบโครงการ JV อีก 4 แห่งอย่าง Park Origin Ratchathewi ในไตรมาส 3/2565 รวมถึง Park Origin Chula Samyan และ Hampton Sriracha ใน ไตรมาส 4/2565 หนุนด้วยการรับรู้ยอดโอนแนวราบที่เร่งขึ้นตามการรุกเปิดตัวจำนวนมาก
โดยเฉพาะครึ่งปีหลัง 2565 ที่มีแผนเปิด 10 โครงการ มูลค่ารวม 1.1 หมื่นล้านบาท เทียบกับครึ่งปีแรก 2565 ที่เปิด 2 โครงการ มูลค่ารวม 2.7 พันล้านบาท ซึ่งคาดยังได้รับผลตอบรับดีท่ามกลางอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังคาดว่าจะเห็นบริษัทร่วมพัฒนา JV ใหม่ในทุกไตรมาส ซึ่งเป็นส่วนเพิ่ม Upside การรับรู้กาไรพิเศษในไตรมาสที่เซ็นสัญญา
*ชูปันผลสูง 6%
ทั้งนี้คงราคาเหมาะสม 15 บาท (SOTP) และคงคำแนะนำซื้อ สะท้อนภาพที่เป็นบวก ทั้งด้านธุรกิจอสังหา เพื่อขายอย่างคอนโดและแนวราบที่เร่งตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปี รวมถึงระยะยาวโครงสร้างธุรกิจแข็งแกร่งหลังขยายลงทุนในอุตสาหกรรมอื่นเป็นข้อได้เปรียบคู่แข่ง โดยเริ่มเก็บเกี่ยวธุรกิจ Logistic และธุรกิจกัญชงตั้งแต่ไตรมาส 2/2565
คงประมาณการกาไรปกติปี 2565 โตสูง +35% Y-Y ทำ New High ที่ 3.4 พันล้านบาท ขณะที่ Valuation ยังต่ำ หุ้นซื้อขายบน P/E ปี 2565 ที่ 6.8 เท่า มีส่วนลดจากค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 7 เท่า และต่ำกว่ากลุ่มอสังหา ที่เฉลี่ย 9.0 เท่า ซึ่งมองว่า ORI ที่ควรได้ Premium จากกำไรโตสูงกว่ากลุ่มที่เฉลี่ย +14% Y-Y และประกอบธุรกิจที่หลากหลายกว่า พร้อมคาดให้ผลตอบแทนปันผล 6% ต่อปี