รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
23 มิถุนายน 2565 ( 09:24 )
148
เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,550-1,570 จุด โดยยังขาดปัจจัยบวกเข้ามาหนุน ตลาดยังคงกังวลเงินเฟ้อและเศรษฐกิจชะลอตัว การแถลงต่อหน้าสภาคองเกรสของประธาน FED ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแรงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยและจะพยายาม Soft Landing เศรษฐกิจซึ่งมีความท้าทายมากขึ้น และยอมรับว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิด Recession ส่งผลให้น้ำมันดิบอยู่ในช่วงพักตัวลงกดดันกลุ่มพลังงานต้นน้ำ ขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้า ปิโตรฯ วัสดุก่อสร้างคาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นจากแรงกดดันด้านต้นทุนที่ลดลง 

 

อย่างไรก็ตาม SET Index ถือว่าปรับตัวได้แข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นๆโดยยังคงมีแรงหนุนจากเศรษฐกิจในประเทศที่เป้นขาขึ้นตามการผ่อนคลายมาตรการคุม COVID-19 ที่เป็นปกติแล้ว รวมถึงการเปิดปรเทศเต็มรูปแบบใน 2H22 ระยะกลาง-ยาวยังมองระดับที่น่าสนใจในการสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,520+- จุด โดยยังเน้นหุ้น Value และ Defensive Play ที่เกียวข้องกับสินค้าบริการจำเป็นซึ่งคาดแกว่งตัวได้แข็งกว่าตลาด รวมถึงหุ้น Reopening Play ที่ได้อานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว 

 

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value และ Defensive Play ที่แนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 แข็งแกร่ง 

หุ้นเด่นเดือนมิ.ย. : BCP, CK, CPALL, MAJOR, SAWAD

 

หุ้นเด่นวันนี้ : TFG

• แนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 7.50 บาท

• ผู้บริหารให้ภาพแนวโน้มราคาหมูไก่ในประเทศยังสูงต่อเนื่องถึงปี 2023 จากผลของ ASF ที่ระบาด ทำให้ไก้ที่เป็นสินค้าทดแทนปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 9 ปี Demand ในประเทศแข็งแกร่ง ขณะที่การส่งออกยังดีต่อเนื่อง

• ส่วนฝั่งต้นทุนแม้ปรับขึ้น แต่สามารถขึ้นราคาขายชดเชยได้ทั้งหมด เราปรับกำไรปี 2022 ขึ้นจาก 2 พันลบ.เป็น 2.85 พันลบ. ทำจุดสูงสุดใหม่ ส่วนความเสี่ยงคือราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวลงเร็วกว่าคาด

• แนวรับ 6.30-6.20//6 บาท แนวต้าน 6.65//7 บาท       

 

**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ประเมินดัชนีฯ ผันผวนต่อ ความกังวล Recession ของสหรัฐฯ ฝรั่งขายหุ้นไทย ยังคงกดดันตลาด จากการแถลงของ Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ คืนวาน (22) ยังมีการส่งสัญญาณทางนโยบายการเงินที่เข้มงวดเพื่อสกัดเงินเฟ้อ การแถลงครั้งนี้ ไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนมากนัก

 

ความกังวลที่เข้ามาในตลาดตอนนี้ นักลงทุนเริ่มกลัว Recession มากกว่าเรื่อง Supply เรามองว่ากลุ่ม Commodity ในช่วงนี้อาจจะถูกเทขาย

 

ยูเครน-รัสเซีย ยังอึมครึม ติดตาม โจโก วีโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เตรียมเดินทางยูเครน และรัสเซียในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือถึงทางออกของปัญหา

 

รายงานการประชุม กนง. ที่ให้ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.50% เพื่อให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะสามารถฟื้นตัวได้ตามคาด อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามสถานการณ์ที่ทำให้เงินเฟ้อในประเทศปรับตัวสูงขึ้น เป็นส่วนหนึ่งทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงวานนี้(22) และนักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นต่อ

 

นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย วานนี้ Net Sell 3.5 พันล้านบาท หุ้นที่ถูกเทขายมากตั้งแต่ต้นดือน หลัก ๆ จะเป็นกลุ่มพลังงาน และธนาคาร (PTTEP, PTT, KBANK, SCB)

 

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ยอดขายรถยนต์ของไทย และ ธ.กสิกรไทย จะมีการรายงานคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจ

 

ทั้งนี้ การกลับมากังวลในเรื่องการชะลอตัวทางเศรษบกิจจากดอกเบี้ย Fed ที่อาจขึ้นแรงเกินคาด (สิ้นปีนี้ >3.5%) และค่าเงินของประเทศเอเซีย (รวมเงินบาท) ที่อ่อนค่าลง  ทำให้โทนของตลาด เปลี่ยนมาในฝั่งลบ รอดู 1550 จุด จะเป็นแนวรับสำคัญ 

 

event สำคัญของสัปดาห์นี้  เหลือ การประชุม EU Summit เรื่องยูเครนในวันนี้(23) หากออกมาดี จะหนุนตลาดหุ้นโลก (แต่จะลบต่อราคาน้ำมัน)

 

ฝ่ายวิจัยยังแนะให้ลดการถือหุ้น Commodity ที่ปรับตัวขึ้นหรือได้อานิสงค์จากเงินเฟ้อ เช่น ผลิตน้ำมัน โรงกลั่นน้ำมัน ขณะที่หุ้นปิโตรเคมีที่ปรับตัวลงไปมากในช่วงก่อนหน้านี้ คือ SCGP, SCC, PTTGC, IRPC น่าเล่นเก็งกำไรรับการ rebound

 

หุ้นในพอร์ตวันนี้เรานำ CENTEL, FSMART* ออก และเพิ่ม SCGP เข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย SCGP(10%), BBIK(20%),  JMT(20%), IRPC*(10%)

 

Strategy Stock Pick

IRPC*: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 3.40 บาท) “น้ำมันร่วง Spread ปิโตรเริ่มกว้าง หนุนผลิตภัณฑ์กลุ่ม Aromatic”

•แนะนำซื้อกลุ่มปิโตรฯ ที่จะได้ประโยชน์จากการปรับตัวลงของน้ำมัน (WTI, BRENT ร่วงราว 7-10%) ภายใน 2 สัปดาห์ Spread Petro กลุ่ม Aromatic อาทิ โทลูอีน, มิกซ์ไซลีนส์ และอื่นๆ กว้างขึ้นเป็นบวกต่อกำไร

•แนวโน้มกำไร 2Q22 สดใส ได้ธุรกิจโรงกลั่นที่มีผลกระกอบการโดดเด่นจาก Crack Spread สูงเข้าหนุน (Spread ทั้ง ดีเซลและเบนซินสูง ล่าสุดจากรายงานช่วงวันที่ 13-17 มิ.ย. ’22 Spread Diesel อยู่ที่ $56.66/บาเรล +4%WoW)

•Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 เฉลี่ยที่ 5 พัน ลบ. และ 6.4 พัน ลบ. -65%YoY, +28%YoY ตามลำดับ

 

Technical : ETC, ESSO

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ดัชนี SETคาดฟื้นตัวตามดัชนีภูมิภาค แต่คาดฟื้นตัวได้จำกัดจากแรงกดดันเงินทุนไหลออก วางแนวรับ 1,550 – 1,560 แนวต้าน 1,570 แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น เช่น ASIAN, CFRESH, BR, CBG (+ส่งออกอาหาร&เครื่องดื่ม)/ TVI, VNG, BWG, ETC ( +สัญญาณเทคนิค)

 

MAJOR* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 24.50 บาท) ยอดโฆษณารวมเดือน พ.ค.65 เพิ่มขึ้น +11%YoY ตามยอดโฆษณาของสื่อทุกประเภทดีขึ้น หลังสถานการณ์ COVID-19 ที่คลี่คลายลง โดยเม็ดเงินโฆษณาของสื่อโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้น +541%YoY จากฐานที่ต่ำเพราะการปิดโรงภาพยนตร์ชั่วคราวในปีก่อน ทำให้คาดแนวโน้มผลประกอบการ 2Q65 ของ MAJOR จะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากฤดูกาลที่มีจำนวนหนังฟอร์มใหญ่ต่างประเทศที่เข้าฉาย และจำนวนหนังไทยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้ Concession (ขายอาหารและเครื่องดื่มมากขึ้น) ทีเพิ่มตาม Traffic ช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นตาม

 

MEGA* (ซื้อสะสม / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 60.25 บาท) กำไรสุทธิในช่วง 1Q65 อยู่ที่ 614 ลบ. (+84%YoY, +24%QoQ) แนวโน้มการดำเนินงานในปีนี้ยังคงสดใส Covid-19 ส่งผลให้ ผู้บริโภคเกิด awareness มีความต้องการอาหารเสริม และ ผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพสูงขึ้น ขณะที่สินค้ายายังเป็นสินค้าจำเป็น และ MEGA* เองก็ได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่า โดยทางบ.ตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตราว +5 ถึง +10%YoY วางงบลงทุนในช่วงปี65-66 ที่ 537 ลบ.(โรงงานที่ไทย 326 ลบ./ โรงงานที่อินโดนีเซีย 165 ลบ.) สำหรับการขยายโรงงานและเสริมกำลังการผลิตเพื่อรองรับในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี65 และ ปี66 ของ MEGA* จะยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากปี 64 ที่ 2.23 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 2.47 บาท/หุ้น, และ  2.69 บาท/หุ้น ตามลำดับ

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง