ส่อง “เกษตรแนวตั้ง” ในร่มของ SIEMENS ปลูกผักใช้น้ำน้อยผลผลิตเพียบ
ในปัจจุบันพื้นที่ทำการเกษตรกำลังลดน้อยลงเรื่อย ๆ จากปัญหาสิ่งแวดล้อมและการขยายตัวของเมือง ซีเมนส์ (SIEMENS) บริษัทเทคโนโลยีจากเยอรมนี จึงพัฒนาการทำเกษตรแนวตั้ง (Vertical Farming) หรือการปลูกพืชเป็นชั้น ๆ และควบคุมการให้น้ำ แสงแดด โดยใช้มนุษย์และเทคโนโลยีดูแลควบคู่กัน ช่วยให้การทำเกษตรและกระบวนการผลิตพืชผักมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการทำเกษตรที่ช่วยทั้งเพิ่มผลผลิต ประหยัดต้นทุน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดยในงานโปรแพก เอเชีย 2023 (ProPak Asia 2023) งานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีแปรรูป ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เมื่อวันที่ 14-17 มิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทซีเมนส์ ก็ได้นำโมเดลจำลองขนาดเล็กของนวัตกรรมการทำเกษตรแนวตั้งนี้ มาจัดแสดงในประเทศไทยด้วยเช่นกัน
การทำเกษตรแนวตั้งของซีเมนส์ทำงานอย่างไร ?
ระบบเกษตรแนวตั้งของซีเมนส์ ประกอบด้วย ระบบตรวจจับพืชตลอด 24 ชั่วโมง, ระบบเอดจ์ ซิสเทม (Edge system) หรือการย้ายระบบประมวลผลไปไว้ใกล้กับข้อมูลต้นทางมากที่สุด ซึ่งจะช่วยลดเวลาประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลพืช
นอกจากนี้ ยังมีการเก็บข้อมูลผ่านคลาวด์ (Cloud) หรือตัวกลางเก็บข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ช่วยให้เกษตรติดตามการเจริญเติบโตของพืชได้ตลอดเวลา ไปจนถึงมีระบบการควบคุมแสง น้ำ อุณหภูมิ และสารอาหารให้กับพืชได้อัตโนมัติแบบครบวงจร ซึ่งช่วยลดขั้นตอนการดูแลพืชและการใช้แรงงานมนุษย์ ทำให้เกษตรกรสามารถดูแลพืชได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และไม่ต้องประสบกับปัญหาภัยพิบัติ เช่น ภัยแล้ง หรือน้ำท่วม ต่างจากการทำเกษตรทั่วไปภายนอกอีกด้วย
ทั้งประหยัดและเพิ่มผลผลิต
โดย ซาช่า แมนเนล (Sascha Maennl) ผู้อำนวยการอาวุโสของบริษัทซีเมนส์ ระบุว่า นวัตกรรมการเกษตรแนวตั้งในร่มนี้ นอกจากจะช่วยประหยัดดินและพื้นที่ปลูกผักแล้ว ยังลดการใช้น้ำได้ถึงร้อยละ 95 เมื่อเทียบกับการทำเกษตรทั่วไป
ด้วยข้อดีนี้ ก็ทำให้เกษตรกรสามารถวางแผนการผลิตได้ดีขึ้น ทำให้สามารถผลิตอาหารเพื่อรองรับกับปริมาณที่ตลาดต้องการได้ และลดปัญหาอาหารเหลือทิ้ง ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภคเพราะใช้พลังงานหมุนเวียนแบบ 100% และไม่ใช้ยากำจัดศัตรูพืชตลอดกระบวนการ เรียกได้ว่าระบบเกษตรแนวตั้งจากซีเมนส์ช่วยทั้งประหยัดทรัพยากรโลกและลดต้นทุนในเวลาเดียวกัน
มีบริษัทนำไปใช้ผลิตผักกันจริง ๆ แล้วด้วย
โดยปัจจุบัน มีหลายบริษัทที่ได้นำเอาเทคโนโลยีนี้ไปใช้แล้ว เช่น เอกตี้ เอเคอร์ส (80 Acres) บริษัทฟาร์มผักในร่มจากสหรัฐฯ ซึ่งรวมมือกับบริษัทซีเมนส์นำระบบทำเกษตรแนวตั้งไปใช้ในฟาร์ม เพื่อผลิตผักสดส่งขายในซูเปอร์มาร์เก็ต
และ บัสตานิก้า (Bustanica) ฟาร์มแนวตั้งที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ประเทศดูไบ ของบริษัท เอมิเรตส์ ครอป วัน (Emirates Crop One) ซึ่งเป็นจับมือร่วมกันระหว่างสองยักษ์ใหญ่อย่าง Emirates Flight Catering (EKFC) หรือ เอมิเรตส์ ไฟลต์ เคเตอริง บริษัทจัดเตรียมอาหารบนเที่ยวบินสัญชาติดูไบ ซึ่งเตรียมอาหารให้สายการบินกว่า 120 แห่งทั่วโลก และ Crop One (คอร์ป วัน) บริษัทเทคโนโลยีอุตสาหกรรมด้านการทำเกษตรแนวตั้งในสหรัฐอเมริกาเอง ก็ได้นำระบบทำเกษตรแนวตั้งของซีเมนส์ไปใช้ผลิตผักในพื้นที่มากกว่าขนาด 330,000 ตารางฟุต (ราว 30,000 ตารางเมตร)
ส่วนในอนาคตจะมีสตาร์ตอัพหรือบริษัทสัญชาติไทยเจ้าไหนนำระบบของ ซีเมนส์มาใช้ปลูกผักกันหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป แต่เชื่อว่าถ้าได้นำเอามาใช้ จะช่วยให้เกษตรกรไทยประหยัดการใช้น้ำและพื้นที่เพาะปลูก และเพิ่มผลผลิตได้เพียงพอต่อความต้องการตลาดอย่างแน่นอน
หากใครสนใจชมเทคโนโลยีอื่น ๆ ของบริษัทซีเมนส์สามารถติดตามต่อได้ที่นี่