นายกฯ สรุปผลหารือเอกชน 12 บริษัทชั้นนำ เชื่อมั่นเปิดโอกาส ดึงดูดการลงทุน
นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนสรุปผลหารือเอกชน 12 บริษัทชั้นนำ เชื่อมั่นเปิดโอกาส ดึงดูดการลงทุน พัฒนาศักยภาพไทย
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงภารกิจในวันแรกที่กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยกล่าวว่า วันแรกของการพบภาคธุรกิจในประเทศฝรั่งเศส ทั้ง 12 ราย ครอบคลุมทุกภาคธุรกิจ ตั้งแต่ ยานยนต์ แฟชั่น โรงแรม เครื่องบิน อาหาร โรงงานอุตสาหกรรม
1. ACCOR group เป็นกลุ่ม chain โรงแรมใหญ่ที่สุดในโลก มีกว่า 100 โรงแรมในไทย โดยต้องการเข้ามาวางแผนการทำแผนการท่องเที่ยวร่วมกับรัฐบาล และอยากที่จะร่วมทุนกับกองทุนไทย เช่น pension fund เพื่อขยายธุรกิจ – การสร้างโรงแรมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
2. บริษัท Michelin โดยบริษัทใช้ยางพาราในไทยมาก มีโรงงานในไทยทำธุรกิจมานาน หวังที่จะให้ไทยช่วยในเรื่อง ease of doing business
3. Federation Haute Couture สมาคมแฟชั่นชั้นสูง เป็นสมาพันธ์เพื่อส่งเสริมนักออกแบบรุ่นใหม่โดยอยากทำกิจกรรมร่วมกับไทย ทั้งอีเว้นท์ แฟชั่นโชว์ และสร้างสถาบันให้ความรู้กับนักเรียนไทย นายกฯ เชิญมาทำอีเว้นท์ในไทยช่วงเมษายนนี้ ให้จัดกิจกรรมคล้าย Paris Fashion Show ในกรุงเทพฯ
4. Comité Colbert เป็นองค์กรที่พยายามผลักดันให้แบรนด์ต่างๆ ทั่วโลกได้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นองค์กรที่ให้ความรู้แก่แบรนด์ และนักออกแบบทั่วโลก รวมไปถึงในด้าน soft power ด้วย โดยนายกฯ ได้เชิญองค์กรดังกล่าวให้เข้าไปให้ความรู้ โดยผ่านความร่วมมือกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ
5. Michelin guide บริษัทเห็นว่า ไทยมีศักยภาพมากด้านอาหาร พร้อมส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารภายในประเทศไทย เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาหาประสบการณ์ในด้านอาหารในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ไทยหวังที่จะยกระดับความร่วมมือกับ Michelin เพื่อช่วยส่งเสริมในการร่วมจัดงานอีเวนท์ต่างๆ ทั้งในไทย และต่างประเทศ เพื่อเป็นการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทย โดยไตรมาสนี้ ช่วงปลายพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2567 จะมาจัดงานเทศกาลอาหารระดับโลกที่จังหวัดเชียงใหม่
6. บริษัท Richemont เป็นกลุ่มบริษัทฯที่เป็นเจ้าของแบรนด์ดังระดับโลก อาทิ Cartier, Van Cleef & Arpels, IWC โดยประเทศไทยมียอดการขายเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งนายกฯ ได้ขอความร่วมมือในการทำ Collaboration กับแบรนด์ของไทย เพื่อส่งเสริมศักยภาพของนักออกแบบไทย รวมถึงวัตถุดิบไทย ที่มีคุณภาพ ตลอดจนเชิญชวนให้มาทำกิจกรรม อาทิ popup store, co-promotion กับกิจกรรมอื่นๆ ที่จะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว
7. Valeo บริษัทผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบและการผลิตส่วนประกอบ ระบบบูรณาการ และโมดูล สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ มีชื่อเสียงในด้านนวัตกรรมในการพัฒนาและการผลิตเทคโนโลยี สำหรับเครื่องยนต์สันดาปแบบดั้งเดิมและยานพาหนะไฟฟ้า โดยนายกฯ เชิญชวนมาขยายการลงทุนในประเทศไทย ผลักดันการสร้างระบบนิเวศน์ให้กับรถ EV เป็นอีกหนึ่งก้าวที่ขยับเข้าใกล้ Future Mobility Hub และการเป็น Detroit ของเอเชีย
8. บริษัท Airbus ขับเคลื่อนเรื่อง Aviation Hub กับ Airbus Group โดยบริษัทมีเทคโนโลยีด้านความมั่นคงทางอากาศ ซึ่งไทยมีศักยภาพในการขยายศูนย์ความเป็นเลิศระดับภูมิภาคด้านการสนับสนุนและบริการ ปฏิบัติการบิน
9. บริษัท Forvia เป็นบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่มีการนำเอานวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ ซึ่งจะนำไปสู่การใช้พลังงานสะอาด สนับสนุนให้โรงงานผลิตที่ยังใช้ระบบ ICE ให้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน
10. บริษัท EssilorLuxottica ผลิตเลนส์แว่นตา โดยบริษัทชื่นชมแรงงานฝีมือของไทย และมีแผนที่จะเพิ่มพนักงานจาก 6,000 เป็น 12,000 คนจึงหวังให้รัฐบาลสนับสนุนด้าน Human resource development และอยากให้ไทยเดินหน้าเจรจา FTA กับสหภาพยุโรปให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
11. ได้พูดคุยหารือกับ Stellantis บริษัท ผลิตรถยนต์อันดับ 4 ของโลก ซึ่งได้พูดคุยเพื่อให้เกิดความร่วมมือ ซึ่ง บริษัทฯ สนใจจะลงทุนในไทย ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน
12. YOUTUBE นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ Global Head of Music ของ youtube ซึ่งเป็นผู้ค้นพบและพัฒนา ศิลปินชั้นนำ อาทิ Jay z Bon Jovi Mariah Carey เเละเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องธุรกิจดนตรี มาเชิญชวนนายกฯ ให้มีช่อง YouTube เป็นของตัวเองโดยจะส่งหนังสือและส่งลิสต์มาให้ว่ามีผู้นำที่มีช่อง YouTube เป็นของตัวเองแล้วกว่า 20 คนมีใครบ้างและต้องทำอะไรบ้าง
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้พูดกันเกี่ยวกับเป้าหมายที่รัฐบาลไทยกำหนดให้ปีหน้าเป็นปีของมิวสิค festival แนวทางที่จะจัดงานและเชิญนักร้องระดับ A list มาร่วมงาน festival ในไทย
ข้อมูลและภาพจาก รัฐบาลไทย