นักวิชาการชี้ “แผ่นดินไหว”กระทบท่องเที่ยว-ลงทุน แนะเร่งเรียกความเชื่อมั่น

นักวิชาการชี้ “แผ่นดินไหว”กระทบท่องเที่ยว-ลงทุน แนะเร่งเรียกความเชื่อมั่น
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งจุดศูนย์กลางเกิดในประเทศเมียนมา แต่มีผลกระทบมาถึงประเทศไทยโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ก่อให้เกิดความเสียหายกับสิ่งปลูกสร้างและสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คน
ล่าสุด TNN WEALTH ได้ไปสัมภาษณ์พิเศษ ความเห็นในเรื่องนี้ต่อประเด็นเศรษฐกิจ จาก รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ระบุว่าจะกระทบหนักต่อความเชื่อมั่น ทั้งภาคการท่องเที่ยว และการลงทุน พร้อมแนะให้ทุกฝ่ายเร่งฟื้นความเชื่อมั่น และเร่งทำแผนรับมือภัยพิบัติและวิกฤตการณ์ให้เป็นรูปธรรม
รศ.ดร.อัทธ์ ระบุว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น แม้ว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะแถลงและออกมายืนยันว่าไม่กระทบกับระบบโดยรวม ทั้ง ภาคอุตสาหรรม สถาบันการเงิน และการลงทุน ไปจนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจประกันภัย
แต่อย่างไรก็ตาม ในภาคเศรษฐกิจ ก็ยอมรับว่ายังน่ากังวลสำหรับผลกระทบในระยะสั้นในภาคการท่องเที่ยว จากภาพข่าวที่นำเสนอไปทั่วโลก โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ อาจมีผลต่อความรู้สึกของคนต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่วางแผนจะเดินทางมาเมืองไทย อาจจะกังวัลเรื่องความปลอดภัย แม้แต่คนไทยเองอาจจะยังรู้สึกไม่อยากออกไปเที่ยวไหนเพราะกังวลว่าจะเกิดเหตุซ้ำได้อีก
ดังนั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องเร่งมือช่วยกันแก้ไขสถานการณ์เรียกความเชื่อมั่นให้กลับมาเร็วที่สุด สร้างบรรยากาศที่ดี โดยเฉพาะการสื่อสารไปยังทั่วโลก
นอกจากนี้ยังต้องชี้แจงกรณีของตึกถล่ม ซึ่งเป็นตึกที่กำลังก่อสร้างของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ซึ่งมีผลกระทบไปได้ไกลจนถึงภาคลงทุน เพราะเป็นหน่วยงานของรัฐ ที่คนมองว่าสาเหตุในครั้งนี้เกิดจากความไม่โปร่งใส ดังนั้นต้องมีการชี้แจงสังคมให้ได้
ขณะที่ภาคส่วนที่น่าจะกระทบหนักที่สุด คือ อสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มของคอนโดมิเนียม เนื่องจากผู้คนหวาดผวาจากภัยพิบัติ และแม้บ้านแนวราบจะขายดีขึ้นทดแทน แต่ก็อาจมีผลไปเพิ่มหนี้ครัวเรือนได้ และคอนโดเองหากเร่งขายก็มีแต่ขาดทุนหนัก เป็นอีกหนึ่งโจทย์ใหญ่ที่ต้องหายาแรงมาช่วยกัน
รวมไปถึงรัฐบาลและทุกหน่วยงาน ยังต้องเร่งทำแผนชัดเจนสำหรับการรับมือกรณีภัยพิบัติหรือวิกฤตที่อาจจะเกิดในอนาคตอันใกล้ โดยอาจจะถอดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นต้นแบบด้านการรับมือกับแผ่นดินไหว
ขณะที่ภาคส่วนที่น่าจะกระทบหนักที่สุด คือ อสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มของคอนโดมิเนียม เนื่องจากผู้คนหวาดผวาจากภัยพิบัติ และแม้บ้านแนวราบจะขายดีขึ้นทดแทน แต่ก็อาจมีผลไปเพิ่มหนี้ครัวเรือนได้ และคอนโดเองหากเร่งขายก็มีแต่ขาดทุนหนัก เป็นอีกหนึ่งโจทย์ใหญ่ที่ต้องหายาแรงมาช่วยกัน
รวมไปถึงรัฐบาลและทุกหน่วยงาน ยังต้องเร่งทำแผนชัดเจนสำหรับการรับมือกรณีภัยพิบัติหรือวิกฤตที่อาจจะเกิดในอนาคตอันใกล้ โดยอาจจะถอดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นต้นแบบด้านการรับมือกับแผ่นดินไหว