ฝรั่งเศสโกรธขั้นสุด เรียกทูตกลับ ฉะดีลเรือดำน้ำ สหรัฐ-ออสเตรเลีย
ฝรั่งเศสโกรธขั้นสุด - ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า รัฐบาลฝรั่งเศส เรียกเอกอัครราชทูตของตนเอง ทั้งคนที่ประจำสหรัฐอเมริกา และคนที่ประจำออสเตรเลีย เพื่อแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งกับข้อตกลง AUKUS ด้านความมั่นคงครั้งประวัติศาสตร์ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ระหว่างสามพันธมิตร สหรัฐ ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร เพื่อคานอำนาจกับจีน
แม้ข้อตกลงด้านความมั่นคงดังกล่าวเป็นดีลใหญ่ที่สุดระหว่างทั้ง 3 ชาติ นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ไปขัดผลประโยชน์ของฝรั่งเศส ในฐานะชาติผู้ส่งออกอาวุธชั้นนำของโลกเข้าอย่างจัง โดยเฉพาะเรื่องที่สหรัฐจะช่วยออสเตรเลียสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ขึ้นเอง
นายฟิลิปป์ เอเตียน เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสหรัฐ ยืนยันรายงานการเรียกทูตกลับประเทศ แต่ไม่ขอแสดงความเห็นใดๆ
ส่วนนายฌอง อีฟส์ เลอเดรียน รมว.กิจการต่างประเทศและยุโรปของฝรั่งเศส กล่าวเพียงว่า ทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่งของประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำประเทศ เพื่อสะท้อนความจริงจังของฝรั่งเศสต่อข้อตกลงระหว่างสามประเทศที่แถลงออกมาเมื่อวันที่ 15 ก.ย.
ข้อตกลงดังกล่าวเท่ากับละทิ้งโครงการต่อเรือดำน้ำระหว่างฝรั่งเศสกับออสเตรเลียที่ทำด้วยกันมาตั้งแต่ปี 2559 และการประกาศหุ้นส่วนความร่วมมือใหม่กับสหรัฐอเมริกา ที่มุ่งหมายศึกษาความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ เป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้ ในหมู่พันธมิตรและหุ้นส่วน
ทั้งนี้ ฝรั่งเศสไม่เคยออกอาการหรือแสดงปฏิกิริยาต่อชาติพันธมิตรเช่นนี้มาก่อน
"การชับเคลื่อนของพวกเขามีผลกระทบต่อเนื่องกับแนวทางที่เราคบหากันเป็นพันธมิตร เป็นหุ้นส่วน และความสำคัยระหว่างอินโด-แปซิฟิกสำหรับยุโรป" เจ้าหน้าที่รัฐบาลฝรั่งเศส กล่าว
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลฝรั่งเศสแถลงเนื้อหาแรงว่า การที่ออสเตรเลียชิ่งหนีข้อตกลงกับฝรั่งเศส ทำให้ฝรั่งเศสรู้สึกเหมือนถูกทรยศ ถูกแทงข้างหลัง
ผลกระทบดังกล่าวอาจทำให้ฝรั่งเศสสูญเสียเงินไปถึง 65,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.12 ล้านล้านบาท ซึ่งจะกระทบกับเศรษฐกิจเข้าอย่างจัง
สำหรับข้อตกลงของไตรมิตรมุ่งเน้นไปที่ขีดความสามารถทางการทหาร โดยแยกออกมาจากพันธมิตรแลกเปลี่ยนข่าวกรองไฟว์อายส์ (Five Eyes) ซึ่งรวมถึงนิวซีแลนด์และแคนาดาด้วย
นอกจากเรือดำน้ำของออสเตรเลียแล้ว AUKUS จะยังมีการแลกเปลี่ยนขีดความสามารถทางไซเบอร์, เอไอ, ควอนตัม และเทคโนโลยีใต้น้ำอื่น ๆ ระหว่างกันด้วย
แถลงการณ์ร่วมระบุว่า "นี่คือโอกาสครั้งประวัติศาสตร์สำหรับทั้ง 3 ชาติ และหุ้นส่วนและพันธมิตรที่มีความคิดตรงกัน ในการปกป้องคุณค่าร่วมกันและส่งเสริมความมั่นคงและความรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก"
ทั้งสามประเทศกล่าวหารัฐบาลจีนทำให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้นบริเวณดินแดนที่เป็นข้อพิพาทต่าง ๆ อย่าง ทะเลจีนใต้ พร้อมกับลงทุนมหาศาลในกองเรือลาดตระเวนชายฝั่ง ช่วงไม่กี่ปีมานี้ ซึ่งนักวิเคราะห์บอกว่า ในทางพฤตินัย คือการสร้างกองเรือทหารของจีน
ชาติตะวันตกหลายชาติกังวลต่อการลงทุนของจีนตามเกาะต่าง ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก และการคว่ำบาตรทางการค้าที่จีนกระทำต่อหลายประเทศ รวมถึงออสเตรเลีย