โรงพยาบาลภูมิพลฯ ออกแถลงกาณ์ ปมดราม่าเด็ก 3 ขวบเสียชีวิต
โรงพยาบาลภูมิพลฯ ออกแถลงกาณ์ ปมดราม่าเด็ก 3 ขวบเสียชีวิต
โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ ออกแถลงการณ์กรณีแม่เด็ก 3 ขวบ ร้องเพจสายไหมต้องรอด และมาร่วมในรายการโหนกระแส หลังลูกไปแอดมิตที่โรงพยาบาลด้วยอาการไข้สูง ก่อนที่ 3 วันต่อมาจะเสียชีวิต โดยที่แพทย์ผู้ทำการรักษาไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าเสียชีวิตด้วยเหตุใด
โดยในแถลงการณ์ ใจความได้ว่า
ผู้ป่วยเด็กรายนี้มาโรงพยาบาลด้วยอาการไข้สูง 1 วันก่อนมาโรงพยาบาล การตรวจร่างกายนอกจากอาการไข้แล้ว ไม่พบสิ่งผิดปกติอื่น กุมารแพทย์ได้วินิจฉัยเบื้องต้นว่า เป็นไข้เฉียบพลันและให้รับเป็นผู้ป่วยในเพื่อรักษา เฝ้าระวัง และตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม ซึ่งผลตรวจเลือดพบเพียงเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และไม่พบการติดเชื้อไข้เลือดออก
เช้าวันรุ่งขึ้นผู้ป่วยยังมีไข้สูง กุมารแพทย์ตรวจร่างกายและประเมินช้ำ แต่ไม่พบตำแหน่งของอวัยวะติดเชื้อ จึงได้ทำการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม ได้แก่ การตรวจเลือดซ้ำ การเพาะเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือด การตรวจหาเชื้อไวรัสในทางเดินหายใจและตรวจการติดเชื้อในอุจจาระ ซึ่งการตรวจทั้งหมดไม่แสดงการติดเชื้อ ทางกุมารแพทย์ได้ตัดสินใจให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือด เพื่อครอบคลุมเชื้อแบคที่เรียที่สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้
ในตอนบ่ายผู้ป่วยมีอาการชักหนึ่งครั้ง ประมาณ 30 วินาที กุมารแพทย์ได้มาทำการตรวจรักษา หลังชักผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ผลการตรวจร่างกายปกติ แต่หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงผู้ป่วยมีอาการชักช้ำอีกครั้ง ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ที่กุมารแพทย์ให้ยากันชัก
ในตอนเย็นนั้นแม้ว่จะได้รับยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือดเพื่อครอบคลุมเชื้อแบคทีเรียอยู่แล้ว แต่ผู้ป่วยมีอาการซึมลง อาเจียนเป็นเลือด และหายใจเหนื่อย กุมารแพทย์ผู้รักษาจึงใส่ท่อช่วยหายใจ แต่ผู้ป่วยยังมีสัญญาณชีพทรุดลงต้องทำการกู้ชีพ (ปั๊มหัวใจ หรือ CPR) ให้ยากระตุ้นการเต้นของหัวใจ และย้ายผู้ป่วยไป ICU กุมารเวชกรรม แต่สัญญาณชีพของผู้ป่วยก็ยังไม่คงที่ มีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ การทำงานของไตผิดปกติ และมีภาวะเลือดเป็นกรด กุมารแพทย์จึงให้ยาปฏิชีวนะที่ครอบคลุมเชื้อมากขึ้น และให้องค์ประกอบของเลือด เพื่อแก้ไขภาวะ
การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ แต่ผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษา และมีหัวใจหยุดเต้นเป็นระยะๆ หลายครั้ง ซึ่งในระหว่างที่ทำการรักษานี้ ทางโรงพยาบาลได้แจ้งอาการผู้ป่วยต่อผู้ปกครองเป็นระยะๆ แม้ว่าทีมแพทย์พยาบาลได้พยายามรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่ แต่ไม่เป็นผล ผู้ป่วยเสียชีวิตในเย็นวันรุ่งขึ้น
โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อครอบครัวผู้ป่วยในการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักในครั้งนี้ โรงพยาบาลขอยืนยันว่า การรักษาพยาบาลผู้ป่วยรายนี้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพทุกประการ อีกทั้งได้ดำเนินการยื่นเรื่องต่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามมาตรา 41 พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
เพื่อขอรับเงินช่วยเหลือให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว แต่ผลการพิจารณาขึ้นอยู่กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทางโรงพยาบาลได้อธิบายถึงอาการ การรักษาที่ผู้ป่วยได้รับ และสาเหตุของการเสียชีวิตแก่ญาติผู้ป่วยแล้ว 2 ครั้ง
แต่หากบิดามารดาผู้ป่วยมีข้อติดใจสงสัยก็พร้อมที่จะพูดคุยตอบข้อสงสัยโดยตรง แต่การนำข้อมูลของผู้ป่วยออกสู่สาธารณะหรือให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมรับรู้ด้วย ย่อมเป็นการขัดต่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของผู้ป่วย ซึ่งการปฏิบัติตามกฎหมายนี้เป็นสิ่งที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ ยึดถืออย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด