นานาชาติเตือนกองทัพพม่า อย่าเลือกเส้นทางรัฐประหาร ยึดอำนาจ
นานาชาติเตือนกองทัพพม่า - วันที่ 29 ม.ค. รอยเตอร์ รายงานว่า สถานเอกอัครราชทูตชาติต่างๆ อย่างน้อย 16 ประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป พร้อมด้วย สหประชาชาติ หรือยูเอ็น ต่างออกแถลงการณ์แสดงความวิตกต่อข่าวความเป็นไปได้ที่กองทัพเมียนมาอาจก่อรัฐประหาร ระหว่างสถานการณ์การเมืองถึงทางตัน หลังพรรคการเมืองฝ่ายสนับสนุนกองทัพไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งที่พรรคสันนิบาตชาติ (เอ็นแอลดี) กวาดที่นั่งร้อยละ 58.6 หรือ 258 จาก 440 ที่นั่ง
ยูเอ็นเผยแพร่แถลงการณ์ของนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการยูเอ็น เรียกร้องให้เมียนมา เคารพผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2563 และหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวยั่วยุและกระตุ้นปลุกระดม ตีรวนตำแหน่งผู้นำ
ส่วนสถานทูตสหรัฐ อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และสหภาพยุโรป ออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้กองทัพเมียนมาเคารพบรรทัดฐานประชาธิปไตย พร้อมคัดค้านความพยายามเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง และขัดขวางการถ่ายโอนอำนาจตามวิถีประชาธิปไตย
ท่าทีที่ นานาชาติเตือนกองทัพพม่า มีขึ้นหลังกองทัพเมียนมาและกลุ่มที่สนับสนุน เรียกร้องให้คณะกรรมการ การเลือกตั้ง หรือ UEC รับฟังและพิจารณาฝ่ายค้านและประชาชนที่ต้องการตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในการเลือกตั้ง พร้อมกับมีมวลชนจำนวนหนึ่งที่สนับสนุน ชุมนุมที่นครย่างกุ้ง เรียกร้องให้ตรวจสอบคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ขณะที่พล.อ.มิน อ่อง ไหล่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา กล่าวให้โอวาทกับนักศึกษามหาวิทยาลัยป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ว่ากองทัพอาจ “ดำเนินการบางอย่าง” หากไม่ได้รับการตอบสนองข้อเรียกร้องนี้ ซึ่งโฆษกกองทัพปฏิเสธตอบคำถามว่าหมายถึง “รัฐประหาร” หรือไม่
นอกจากนี้ มีบรรยากาศน่าสงสัย เมื่อรถถังหลายชนิดวิ่งออกมาบนท้องถนนเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 28 ม.ค. ที่นครย่างกุ้ง อ้างว่าต้องการทดสอบเครื่องจักร
ด้านนายมโย ยุนต์ โฆษกพรรคเอ็นแอลดีกล่าวว่าสมาชิกพรรคเจรจากับผู้นำทหารเมื่อวันที่ 28 ม.ค. แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และว่า หากเกิดการรัฐประหาร พรรคเอ็นแอลดีจะไม่ตอบโต้ด้วยกำลัง
ส่วนนางออง ซาน ซู จี ผู้นำพรรคเอ็นแอลดี และผู้นำเมียนมาในทางปฏิบัติ ยังคงไม่แสดงท่าทีใดๆ ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด
มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านตรึงกำลังรอบรัฐสภา และตามจุดต่างๆ ในกรุงเนปยีดอ ก่อนกำหนดเปิดประชุมสภา วันจันทร์ที่ 1 ก.พ. นี้ ขณะที่มีสมาชิกสภาทยอยมาฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว ตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.
++++
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :