เดโมแครตเสนอชื่อแฮร์ริส ชิงรองปธน.สหรัฐอย่างเป็นทางการ ผนึกโอบามา ถล่มทรัมป์
เดโมแครตเสนอชื่อแฮร์ริส ชิงรองปธน.สหรัฐอย่างเป็นทางการ ผนึกโอบามา ถล่มทรัมป์
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่ประชุมใหญ่พรรคเดโมแครต ที่เมืองเวลมิงตันรัฐเดลลาแวร์ บ้านเกิดของ อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงมติเลือกนาง คามาลา แฮร์ริส ให้ลงสมัครเลือกตั้งในฐานะรองประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ ก่อนหน้าที่จะลงมติเลือกนายไบเดน เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในคืนวันเดียวกันนี้
การเสนอชื่อครั้งนี้ส่งผลให้นางแฮร์ริส กลายเป็นทั้งคนผิวดำรายแรกและเป็นอเมริกันเชื้อสายเอเชียรายแรกที่ได้รับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการจากพรรคการเมืองใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เป็นการส่งท้ายการประชุมใหญ่พรรคซึ่งจะปิดฉากลงในวันที่ 20 สิงหาคมนี้
ไบเดน ในวัย 77 ปีจะกลายเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดของสหรัฐหากได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งส่งผลให้หลายฝ่ายคาดหมายกันว่า ไบเดน อาจดำรงตำแหน่งเพียงสมัยเดียว เช่นเดียวกับที่การเสนอชื่อนางแฮร์ริส อายุ 55 ปีในครั้งนี้อาจทำให้แฮร์ริสกลายเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคคนต่อไปในปี 2024 นี้
นางแฮร์ริส ใช้คำกล่าวปราศรัยเพื่อรับการเสนอชื่อจากพรรคเป็นโอกาสในการโจมตีการทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับเสนอชื่อพร้อมนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีในการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 24-27 สิงหาคมที่จะถึงนี้ โดยกล่าวหาประธานาธิบดีทรัมป์ ว่าไร้ภาวะผู้นำซึ่งส่งผลทำให้คนอเมริกันเดือดร้อนหนักและสูญเสียชีวิตไปมากมายระหว่างวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19
อดีตอัยการใหญ่แห่งรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งหันมาลงเล่นการเมืองและประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกประจำรัฐชี้ให้เห็นว่า การปกครองของทรัมป์ก่อแต่ความโกลาหลอยู่ตลอดเวลาส่งผลให้ทุกคนรู้สึกเลื่อนลอยไร้ทิศทาง การไร้ความสามารถของทรัมป์สร้างความรู้สึกหวั่นกลัวขึ้นในใจทุกคน ในขณะที่ความใจดำของทรัมป์ทำให้อเมริกันทุกคนรู้สึกโดดเดี่ยว
“เราต้องเลือกประธานาธิบดีที่หล่อหลอมทุกคนเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นคนดำ ขาว เป็นละติโนหรือเอเชียนหรือชนพื้นเมือง เพื่อให้สามารถบรรลุถึงเป้าหมายร่วมในอนาคตได้ เราต้องเลือกโจ ไบเดน” นางแฮร์ริสกล่าว
ก่อนหน้าการปราศรัยของคามาลา แฮร์ริส แกนนำเดโมแครตหลายคนออกมาผนึกกำลังกันโจมตีการทำงานและพฤติกรรมของประธานาธิบดีทรัมป์ นำโดยอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา ที่บอกว่าผิดหวังกับการทำหน้าที่ประธานาธิบดีของทรัมป์ตลอดเดือบ 4 ปีที่ผ่านมา เพราะทรัมป์ไม่เคยจริงจังกับการทำหน้าที่ ไม่สามารถรังสรรค์ประชาธิปไตยให้เป็นที่อ้างอิงได้อย่างที่ควรจะเป็น ไม่เคยปฏิบัติต่อความเป็นประธานาธิบดีเหมือนกับประธานาธิบดีทุกคนที่ผ่านมา แต่ปฏิบัติต่อตำแหน่งประธานาธิบดีเหมือนเรียลิตีโชว์ เพื่อเรียกความสนใจให้ตัวเองได้รับการชื่นชมยกย่องเท่านั้นเอง
โอบามาเตือนเอาไว้ว่า ทรัมป์ พยายามทำให้คนอเมริกันลงคะแนนได้ยากมากขึ้น ถือเป็นการคุกคามต่อประชาธิปไตยอย่างหนึ่ง “เราต้องไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นอย่างนั้น ต้องไม่ให้พวกเขาฉกฉวยประชาธิปไตยของทุกคนไป วางแผนเสียตั้งแต่ตอนนี้ว่าจะลงคะแนนอย่างไรแล้วไปลงคะแนนให้ได้”
นางฮิลลารี คลินตันซึ่งเคยแพ้เลือกตั้งต่อทรัมป์ เรียกร้องในทำนองเดียวกันโดยเตือนให้ทุกคนรำลึกว่า นางเคยชนะคะแนนดิบเหนือทรัมป์ถึง 3 ล้านเสียง ยังต้องพ่ายแพ้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง ถ้าต้องการให้ไบเดนชนะ ต้องเป็นการชนะอย่างท่วมท้น ดังนั้นคนอเมริกันต้องไปลงคะแนน ให้ราวกับว่าชีวิตและความเป็นอยู่ของตัวเองขึ้นอยู่กับการลงคะแนนครั้งนี้เพราะในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้น
นางเอลิซาเบธ วอร์เรน แกนนำเดโมแครตอีกราย ปราศรัยว่า การระบาดของโควิด-19 เป็นบททดสอบสำคัญของทรัมป์แล้วก็สอบตกอย่างสาหัสเลยทีเดียว