รีเซต

ส่องบริษัท-ตำแหน่งงาน เลิกจ้างมากสุดรอบ 9 เดือนปีนี้

ส่องบริษัท-ตำแหน่งงาน เลิกจ้างมากสุดรอบ 9 เดือนปีนี้
TNN ช่อง16
8 ตุลาคม 2568 ( 13:23 )
6

บริษัทจัดหางาน Challenger, Gray & Christmas เผยรายงานสถานการณ์การเลิกจ้างในสหรัฐอเมริกา พบว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จนถึงเดือนกันยายน 2025 หรือระยะ 9 เดือน นายจ้างทั่วสหรัฐฯ ลดตำแหน่งงานลงแล้วเกือบ 950,000 ตำแหน่ง ทำสถิติใหม่ในรอบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2020 และอยู่อันดับ 5 ในรอบ 36 ปี นับตั้งแต่มีการรวบรวมและรายงานข้อมูลมา 

ตัวเลขการเลิกจ้างในปีนี้ แม้จะมีจำนวนสูงขึ้นมาก แต่ก็ยังต่ำกว่าการเลิกจ้างครั้งใหญ่ในช่วงปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด 19 ที่ทำให้ธุรกิจต้องปิดตัวลง และส่งผลให้มีการเลิกจ้างสูงถึงกว่า 2 ล้านคน

ด้าน Andy Challenger รองประธานอาวุโสและผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงาน จากบริษัทจัดหางานรายดังกล่าว คาดการณ์ว่า ยอดการเลิกจ้างตลอดทั้งปีนี้ น่าจะสูงกว่า 1 ล้านคน และบอกอีกว่า การปลดพนักงานจำนวนมากมักจะเกิดขึ้นในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงในช่วงปี 2005 และ 2006 ซึ่งเป็น เวฟแรก (คลื่นลูกแรก) ของระบบอัตโนมัติ ที่เข้ามาทำให้ตำแหน่งงานในภาคการผลิตและเทคโนโลยีลดลง จึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการลดจำนวนพนักงานลง นอกเหนือไปจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ

ตลาดแรงงานในปัจจุบัน กำลังเผชิญกับภาวะซบเซา ต้นทุนสูงขึ้น และเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังเปลี่ยนแปลง แม้ว่าไตรมาส 4 ตลาดแรงงานบางส่วนอาจจะเริ่มทรงตัวได้บ้าง แต่ในสถานการณ์ที่มีปัจจัยรุมเร้ารอบด้านนี้ อาจทำให้นายจ้างยังคงวางแผนเลิกจ้างหรือชะลอการจ้างงานต่อไป 

สำหรับภาคส่วนที่ลดตำแหน่งงาน มากที่สุดในรอบ 9 เดือนของปีนี้ อันดับ 1 คือ หน่วยงานภาครัฐ ที่ประกาศลดตำแหน่งงานจำนวน 299,755 ตำแหน่ง และในจำนวนนี้เป็นพนักงานของรัฐ ที่ได้รับผลกระทบจาก DOGE หน่วยงานประสิทธิภาพ ที่ถูกตั้งขึ้นหลังจากคุณโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2

ถัดมาคือกลุ่ม เทคโนโลยี โดยระยะ 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทเทคฯ ได้ลดตำแหน่งงานไปจำนวน 107,878 ตำแหน่ง หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นตัวเลขลดลง ซึ่งปีที่แล้วการเลิกจ้างรอบ 9 เดือนมีจำนวน 116,856 ตำแหน่ง และทั้งปีจำนวน 241,866 ตำแหน่ง

อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าว ระบุว่า เดือนกันยายนที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว ปลดพนักงานจากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับ เอไอ โดยตรง เป็นจำนวนกว่า 7,000 คน และเมื่อรวมกับตัวเลขก่อนหน้า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ยอดรวมจากการปลดพนักงานจาก เอไอ โดยเฉพาะ มีจำนวนถึง 17,375 คน

และยังมีการปลดพนักงานอีกจำนวน 20,219 คนที่ระบุว่ามาจากสาเหตุการอัปเดตเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งแม้ จะไม่ได้ระบุว่ามีสาเหตุจาก เอไอ โดยตรง แต่ก็มีแนวโน้มสูงกว่าจะเกี่ยวข้องกับการนำ เอไอ หรือระบบอัตโนมัติ เข้ามาใช้ในองค์กร 

โดย แชลเลนเจอร์ กล่าวว่า บริษัทเทคโนโลยีกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จาก ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่เพียงแต่ทำให้ตำแหน่งงานลดลง แต่ยังทำให้การหางานทำ ยากขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับวิศวกรระดับเริ่มต้น ขณะเดียวกัน ผู้นำด้านเทคโนโลยีเอง ก็ได้ย้ำว่า เอไอ กำลังเปลี่ยนแปลงลักษณะงาน และบริษัทต่างๆ กำลังกำหนดให้ทีมงานของตนต้องได้รับการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องกับ เอไอ

ธุรกิจค้าปลีก เป็นอีกกลุ่มที่มีการปลดพนักงานจำนวนมาก และเห็นตัวเลขเติบโตขึ้น จนถึงเดือนกันยายน กลุ่มค้าปลีก เลิกจ้างไปแล้ว เป็นจำนวน 86,233 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า (203%) จากจำนวน 28,440 ตำแหน่งที่ประกาศในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และแนวโน้มของสถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น คือ จากปกติจะเริ่มเห็นผู้ค้าปลีกเพิ่มจำนวนพนักงานเพื่อรับมือกับช่วงเทศกาลวันหยุด แต่จนถึงขณะนี้ แผนการต่าง ๆ ยังไม่มีความคืบหน้า สะท้อนให้เห็นว่า ภาคธุรกิจค้าปลีก มีความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง และแรงกดดันด้านภาษีศุลการที่ยังรออยู่ข้างหน้า 

สุดท้ายคือกลุ่ม สื่อและข่าว ซึ่งรวมทั้งบริการสตรีมมิ่ง สตูดิโอ และองค์กรข่าว ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ได้ประกาศปรับลดพนักงานไปกว่า 14,060 ตำแหน่งแล้ว เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

ส่วนสถานการณ์เลิกจ้าง ช่วงไตรมาสล่าสุด (ไตรมาส 3) ธุรกิจอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ExxonMobil บริษัทพลังงานรายใหญ่จากสหรัฐฯ เผยเมื่อปลายเดือนกันยายน บอกว่าบริษัทฯ เตรียมจะลดพนักงาน จำนวนประมาณ 2,000 ตำแหน่งทั่วโลก หรือคิดเป็นร้อยละ 3-4 ของกำลังคนทั้งหมด ภายใต้แผนการปรับโครงสร้างระยะยาวที่มุ่งรวมสำนักงานย่อยเข้าสู่ศูนย์กลางระดับภูมิภาค ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในยุโรป และแคนาดา แต่การลดคนของ เอ็กซอนโมบิล ครั้งนี้ ยังตามหลังบริษัทพลังงานรายใหญ่หลายราย ที่ประกาศลดพนักงานไปก่อนหน้านี้แล้ว

ส่วน Microsoft มีการปรับโครงสร้างพนักงานมาหลายครั้ง ในรอบปีนี้ และครั้งล่าสุดต้นเดือนกรกฎาคม ประกาศปลดคนสูงถึง 9,000 ตำแหน่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 4 จากจำนวนนพนักงานราว 228,000 คนทั่วโลก

Dentsu ประกาศในช่วงเดือนสิงหาคม เตรียมปรับลดพนักงานนอกประเทศญี่ปุ่น คิดเป็นร้อยละ 8 หรือประมาณ 3,400 ตำแหน่ง โดยพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง จะอยู่ในฝ่ายสนับสนุน หรือ Back-office ซึ่งทำงานในสำนักงานใหญ่เป็นหลัก 

ส่วน Bosch ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ยักษ์ใหญ่ จากเยอรมนี ประกาศแผนลดพนักงานครั้งใหญ่ จำนวน 13,000 ตำแหน่งภายในระยะเวลา 5 ปี โดยพนักงานกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบอยู่ในแผนก Bosch Mobility ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัท และเป็นผู้พัฒนาโซลูชันด้านยานยนต์ 

บริษัทฯ ระบุว่า การปรับลดพนักงานในหน่วยงานดังกล่าว เนื่องจากการแข่งขันรุนแรง กำลังซื้อลดลง และบริษัทฯ เลือกลดต้นทุนโดยหันมาใช้ศักยภาพของ เอไอ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแทน

Lufthansa เป็นสายการบินอีกราย ที่ประกาศแผนลดพนักงานกว่า 4,000 ตำแหน่งภายในปี 2030 โดยเฉพาะในเยอรมนี จากพนักงานทั่วโลก 102,000 คน โดยจะทบทวนการดำเนินงานที่ไม่จำเป็นในอนาคต ลดการทำงานซ้ำซ้อน และนำ เอไอ มาใช้มากขึ้น 

ขณะที่ Starbucks ล่าสุด ประกาศปรับโครงการองค์กรรอบ 2 ซึ่งมีผลต้องปลดพนักงาน อีกกว่า 900 คน อยู่ภายใต้แผนการปรับโครงสร้างธุรกิจ มูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจะมีการปิดร้านกาแฟทั่วอเมริกาเหนือ อีกประมาณ 500 สาขา

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง