อนุทิน ชื่นชมระบบบัตรทอง เป็นอาวุธต่อสู้โควิด-19 ให้ประเทศไทย
วันนี้ (5 พฤศจิกายน 2563) ที่โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ยกระดับบัตรทอง 4 บริการ สู่หลักประกันสุขภาพยุคใหม่” ในการประชุมสร้างความร่วมมือภาคีเครือข่ายภาคประชาชน จัดโดยกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.)
นายอนุทิน กล่าวว่า ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ดำเนินมาเกือบ 20 ปี ที่คนไทยสามารถเข้ารับบริการในสถานบริการของรัฐได้ทุกแห่งด้วยสิทธิที่ประชาชนมีอยู่ เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เป็นการสร้างพื้นฐานระบบสาธารณสุขของประเทศที่แข็งแกร่ง และมีประสบการณ์มากพอที่จะรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายต่างๆ ที่กระทบต่อสุขภาพประชาชน
“ในขณะนี้ เรามีสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ที่ได้ทำลายโลกนี้เป็นอันมาก ตอนที่เกิดเหตุขึ้นใหม่ เรานึกไม่ถึงว่าอนุภาพจะร้ายแรงขนาดนี้ แต่ประเทศไทยก็สามารถต่อสู้กับโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี สามารถควบคุมการแพร่ระบาดและการติดเชื้อในประเทศได้ พร้อมทั้งให้การรักษาผู้ป่วย จนสามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้ เมื่อเทียบกับทั่วโลกแล้วประเทศไทยถือว่าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายอนุทิน กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ประชาชนอาจได้รับความเดือดร้อนในขณะที่ต้องล็อกดาวน์ประเทศ แต่ถึงแม้ไม่ล็อกดาวน์ ก็คงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศน้อย เพราะแต่ละประเทศก็ไม่อนุญาตให้มีการเดินทาง
นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อมีสถานการณ์โควิด-19 ก็ต้องยอมรับว่า รายได้หนึ่งที่ได้จากการท่องเที่ยวอาจจะสูญเสียไป แม้โควิด-19 จะทำลายหลายอย่างในประเทศ แต่ก็ทำให้คนไทยได้กลับมาพึ่งพาตนเอง กลับมาดูว่ามีอะไรที่เราแข็งแกร่ง เช่น ช่วงก่อนหน้านี้เมื่อโลกแคบขึ้น เราสามารถเดินทางไปต่างประเทศสะดวกสบาย เงินก็รั่วไหลออกนอกประเทศ ตนจึงคิดว่าควรนำโอกาสนี้มาทบทวนว่า ประเทศไทยเรายังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามอื่นมากมาย ที่มีความปลอดภัย จากเดิมที่ต้องไปต่างประเทศเพื่อท่องเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มเล็ก แต่ขณะนี้เราสามารถไปท่องเที่ยวพร้อมกับครอบครัว เพื่อนพ้องกลุ่มใหญ่ โควิด-19 ทำให้เราต้องมามองตนเองว่าประเทศไทยเรามีดีอีกหลายอย่าง
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ การควบคุมโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี เกิดจากประชาชนให้ความร่วมมือสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือและเว้นระยะห่างระหว่างกัน ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ใครๆ ก็อยากมาเพราะเจ้าของประเทศมีสุขภาพ สุขอนามัยที่ดี
“ข่าวดีวันนี้คือ ขณะนี้ประเทศไทย คือ เบอร์ 1 ในการควบคุมโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ผลงานนี้ ไม่ใช่ฝีมือของรัฐบาล หรือ สธ. แต่เป็นฝีมือของคนไทยทุกคนที่ให้ความร่วมมือกันเพื่อป้องกันโรค และขอเน้นย้ำว่าการ์ดอย่าตก จากเดิมที่เคยสวมหน้ากากอนามัยสูงถึงน้อยละ 90 แต่ตอนนี้ลดลงมาร้อยละ 30 จึงขอว่าให้สวมหน้ากากอนามัยต่อกันไป นอกจากป้องกันโควิด-19 แล้วยังป้องกันโรคอื่นๆ ได้อีกด้วย” นายอนุทิน กล่าวว่า มีประโยชน์อีกมากมายจากสถานการณ์โควิด-19 ที่สามารถนำมาปรับปรุงวิถีชีวิตของเราได้
รัฐมนตรีว่าการ สธ. กล่าวว่า ยังมีบทพิสูจน์ว่า ประเทศไทยคือ อันดับ 1 ในการลงทุน เป็นประเทศแรกที่ต่างชาติอยากมาลงทุน โควิด-19 มาลุกลามและเราไม่ปล่อยให้เขาชกเราฝ่ายเดียว แต่เราต้องรุกกลับไป ตามสุภาษิตไทย คือ หัวเราะทีหลังดังกว่า
“แม้เราอาจจะเป๋ใน 3-4 เดือนแรก แต่ผมเชื่อว่า แพทย์ไทย อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ไทย รู้จุดอ่อน จุดแข็ง และเข้าใจโควิด-19 ในการดำเนินชีวิต เพราะถ้าหากเราไม่เข้าใจมัน เราคงมีการติดเชื้อในประเทศมากกว่านี้ ขณะนี้เป็นการติดเชื้อจากการนำเชื้อมาต่างประเทศ และอยู้ในสถานกักกัน ผมขอให้เชื่อมั่นว่า หากเป็นการเดินทางเข้ามาอย่างถูกต้อง ระบบสาธารณสุขของไทยจะสามารถป้องกันและจะไม่มีการแพร่ระบาดของโรคอย่างแน่นอน” นายอนุทิน กล่าว