รีเซต

โควิด-19: ตร. แจงใช้อำนาจเจ้าพนักงานควบคุมโรคจับตัว 2 ผู้ชูป้ายประท้วงนายกฯ ที่ระยอง เตรียมแจ้ง 4 ข้อหา

โควิด-19: ตร. แจงใช้อำนาจเจ้าพนักงานควบคุมโรคจับตัว 2 ผู้ชูป้ายประท้วงนายกฯ ที่ระยอง เตรียมแจ้ง 4 ข้อหา
บีบีซี ไทย
16 กรกฎาคม 2563 ( 19:01 )
108
โควิด-19: ตร. แจงใช้อำนาจเจ้าพนักงานควบคุมโรคจับตัว 2 ผู้ชูป้ายประท้วงนายกฯ ที่ระยอง เตรียมแจ้ง 4 ข้อหา

เยาวชนภาคตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย 2 คน ผู้ถือป้ายประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ขณะลงพื้นที่ที่ จ.ระยอง เข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อเรียกตัวเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ควบคุมตัวมาชี้แจงการปฏิบัติหน้าที่

ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เผยว่าตำรวจเตรียมแจ้ง 4 ข้อหากับบุคคลทั้งสอง โดยชี้ว่าตำรวจอาศัยอำนาจเจ้าพนักงานควบคุมโรคดำเนินการจับกุม หนึ่งในข้อหาคือ "หลบหนีระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนสอบสวน"

โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่มีคำสั่งให้บุคคลทั้งสองออกไปจากบริเวณดังกล่าวเพื่อรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญและเป็นเพื่อการควบคุมโรค แต่ชายทั้งสองไม่ให้ความร่วมมือและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่

ด้านนายภาณุพงศ์ จาดนอก และนายณัฐชนน พยัฆพันธ์ สองผู้ประท้วงที่ถูกตำรวจควบคุมตัว ได้เดินทางเข้าพบคณะกรรมาธิการการกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร ร้องเรียนให้เรียกเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจากเหตุการณ์ดังกล่าวมาชี้แจง

ภาณุพงศ์กล่าวกับบีบีซีไทยว่า ภายหลังเหตุการณ์ช่วงเย็นวาน (15 ก.ค.) ตำรวจจาก สภ.เมืองระยอง ได้โทรศัพท์แจ้งให้มารับทราบข้อกล่าวหาเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยหนึ่งในข้อหาจากกรณีชูป้ายประท้วง คือ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการณ์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

"ท่านนายกฯ ไปที่ระยองต้องรับฟังเสียงประชาชนคนที่นั่น ถ้าไปแล้วท่านจะรับฟังแต่เสียงชมไม่ควรไป" เขากล่าว

เหตุการณ์ที่หน้าโรงแรมดิวารี เกิดขึ้นก่อนเวลาที่นายกฯ เดินทางมาลงพื้นที่ที่ห้างสรรพสินค้าแพชชั่น (แหลมทอง) คลิปวิดีโอที่เผยแพร่ในเฟซบุ๊กสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เผยให้เห็นว่า กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามควบคุมตัวผู้ถือป้ายประท้วงชายทั้งสองคน ขึ้นรถที่ไม่มีตราสัญลักษณ์ของตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่เริ่มใช้แรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ดันผู้ประท้วงขึ้นรถ ขณะที่นายภาณุพงศ์และนายณัฐชนนตะโกนถามเจ้าหน้าที่หลายครั้งว่านำตัวพวกเขาไปด้วยข้อหาอะไรแต่ไม่ได้รับคำตอบ

ส่วนข้อกล่าวหาที่เตรียมดำเนินคดีต่อนายภาณุพงศ์และนายณัฐชนน ตามการแถลงของโฆษก ตร. ได้แก่ ทำกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดตามมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่ห้ามกระทำการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน และหลบหนีระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนสอบสวน

โต้ตำรวจไม่ได้รวมตัวเกิน 5 คน

นายภาณุพงศ์ยืนยันว่าไม่ได้ฝ่าฝืน พ.ร.ก. เนื่องจากพวกเขาไปกันแค่สองคน ไม่ได้ชุมนุมมากกว่า 5 คน และสวมใส่หน้ากากป้องกันโรค เขายังอ้างว่าได้มีการโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนแล้ว แต่ยังถูกบังคับดันตัวขึ้นรถ ส่วนข้อกล่าวหาหลบหนี เขายืนยันว่า ตำรวจไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าควบคุมตัวตอนเกิดเหตุว่าดำเนินการด้วยข้อหาอะไรทั้งที่ได้พยายามถาม แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนตอบ

"เราคิดว่าเราเป็นผู้บริสุทธิ์จะมาบอกว่าหลบหนีไม่ได้"

วานนี้ นายภาณุพงศ์และนายณัฐชนน ถูกควบคุมตัวไปที่สนามยิงปืน หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ระยอง เขาบอกว่าตำรวจได้นำตัวมาปล่อยไว้ แต่ระหว่างทางที่เดินกลับ เจ้าหน้าที่ได้ขับรถตามตลอดระยะ 3 กิโลเมตร ก่อนที่จะมีการพยายามควบคุมตัวอีกครั้งที่ตลาดสดสตาร์ และพยายามยึดโทรศัพท์มือถือไม่ให้ถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊ก แต่ผู้ประท้วงทั้งสองไม่ยอม เพราะตำรวจไม่มีการแจ้งข้อหา

รู้จักเยาวชนภาคตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย

เยาวชนภาคตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ในภาคตะวันออกที่ทำกิจกรรมด้านคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชน เช่น การศึกษา สิทธิเสรีภาพเรื่องทรงผมนักเรียน ปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น ไปจนถึงการติดตามนโยบายการพัฒนาภาครัฐ

นายภาณุพงศ์ในวัย 24 ปี บอกกับบีบีซีไทยว่า เขาเป็นคนระยอง อยู่ที่ อ.บ้างฉาง เกิดและโตที่นั่นจนเรียนจบชั้นมัธยม ก่อนไปเรียนต่อที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

เขาบอกว่าเหตุที่ไปถือป้ายประท้วงเพราะต้องการถามนายกฯ ว่าจะรับผิดชอบและเยียวยาอย่างไรกับการทำให้ประชาชนชาวระยองเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบสอง หลังจากรัฐบกพร่องในการควบคุมบุคคลต่างชาติที่ได้รับการยกเว้น กรณีทหารอียิปต์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ใน โดยพบมีการออกนอกพื้นที่ไปยังห้างสรรพสินค้า ทำให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตและเศรษฐกิจของคนระยอง รีสอร์ต โรงแรมที่พัก ถูกยกเลิกจองกว่า 90%

"ชาวระยองดูแลตัวเองมาตลอดตามที่รัฐบาลบอกให้เราทำ ทั้งการรักษาระยะห่าง รวมถึงปฏิบัติตัวให้การ์ดไม่ตก แต่เหตุการณ์นี้ทำให้เศรษฐกิจกลับไปแย่อีก คนจังหวัดอื่นก็รู้สึกกังวลกับการที่คนระยองเข้าพื้นที่ มันหดหู่สำหรับผมที่เป็นคนจังหวัดนี้" นายภาณุพงศ์กล่าว

เขาเห็นว่าจากเหตุการณ์นี้ สะท้อนว่าผู้ใดก็ตามที่เห็นต่างจากรัฐบาลหรือจาก พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะโดนกีดกันและเลือกปฏิบัติ

"ท่านนายกฯ ไปที่ระยองต้องรับฟังเสียงประชาชนคนที่นั่น ถ้าไปแล้วท่านจะรับฟังแต่เสียงชมไม่ควรไป" เขากล่าว "อยากจะบอกว่านายกฯ ควรรับฟังความคิดเห็นของทุก ๆ คน ควรจะมีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่เปิดพื้นที่ให้กับทุกคน เราไม่ได้ต้องการจะทำร้าย เราต้องการเพียงตั้งคำถาม อยากให้ท่านได้เปิดใจและรับฟังเสียงประชาชนบ้าง คนที่เดือดร้อน จริง ๆ มาเป็นร้อย แต่ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้"

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง