หุ้นฮ่องกงร่วง กังวลภาษีสหรัฐฯ Xiaomi ขายรถแซง TSLA ในจีน
#หุ้นต่างประเทศ #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ โดย บล.เอเซียพลัส
วันที่ 22 ม.ค. ดัชนี Hang Seng Index (HSI) -1.63%, Hang Seng China Enterprises (HSCEI) -1.96% และ Hang Seng TECH (HSTECH) -2.40% หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ได้กล่าวว่ารัฐบาลของเขากำลังหารือเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 10% โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1กุมภาพันธ์ ทั้งนี้ ทรัมป์ให้เหตุผลว่า สารเฟนทานิล (Fentanyl) ถูกลักลอบส่งเข้าสหรัฐฯ จากจีนผ่านทางเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลในด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ
- ในส่วนของความกังวลจากตลาดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมในระดับที่สูงกับจีน บริษัท China Galaxy Securities ได้เผยแพร่รายงานวิจัยเมื่อวันที่ 10 มกราคม โดยระบุว่ามาตรการภาษีที่เป็นไปได้ในขณะนี้อาจรวมถึงการอ้างอิงพระราชบัญญัติ International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) เพื่อเพิ่มภาษีโดยตรงผ่านการประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติของประธานาธิบดี การดำเนินมาตรการตามรอบแรกของการสอบสวนมาตรา 301และการยกเลิกสถานะ "ความสัมพันธ์ทางการค้าปกติถาวร" (PNTR) ของจีน
- โดย China Galaxy Securities มองว่า เมื่อพิจารณาปัจจัยต่างๆ รวมถึงความต้องการควบคุมเงินเฟ้อของ Trump ท่าทีที่ค่อนข้างมีเหตุผล และไม่รุนแรงของว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Scott Bessent ในการเพิ่มภาษีเพิ่มเติมต่อจีน และเป้าหมายสำคัญของมาตรการภาษี เช่น การลดการขาดดุลการค้าและการดึงอุตสาหกรรมการผลิตกลับคืนสู่สหรัฐฯ บริษัทวิจัยคาดการณ์ว่าความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะเพิ่มภาษีอย่างมากต่อจีนยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่การปรับเพิ่มภาษีแบบเฉพาะเจาะจงในบางส่วนยังคงเป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยง
New Oriental Education (9901 HK) -24.20% หลังบริษัทเผยกำไรในไตรมาส 2 ปีบัญชี 2568 (สิ้นสุด พฤศจิกายน 2567) ออกมาต่ำกว่านักวิเคราะห์คาด พร้อมกับให้คาดการณ์รายได้ในไตรมาส 3 น้อยกว่าคาด โดยบริษัทเผยรายได้ในไตรมาสอยู่ที่ $1.04 พันล้าน เพิ่มขึ้น 19% YoY (ดีกว่าคาด 1.90%) แต่กำไรสุทธิปกติต่อ ADRs ออกมาอยู่ที่ 22 เซนต์ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 29เซนต์ (น้อยกว่าคาด 13.85%) สำหรับไตรมาส 3 บริษัทมองรายได้อยู่ในช่วง $1.01-$1.03 พันล้าน ต่ำกว่าคาดที่ $1.32 พันล้าน
- CLSA เผยความกดดันเพิ่มเติมในธุรกิจต่างประเทศของ New Oriental รวมถึงแนวโน้มที่อ่อนแอลง ได้ส่งผลให้กำไรในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2568 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก โดยปรับลดการคาดการณ์กำไรสุทธิแบบ Non-GAAP ของบริษัทสำหรับปีงบประมาณ 2569 ลง 14% พร้อมปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้นจาก $94.1เหลือ $66.28 อย่างไรก็ตาม
CLSA ยังคงแนะนำ Outperform เนื่องจากยังมองเห็นศักยภาพการเติบโตในระยะยาว
- Macquarie ได้ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิแบบ Non-GAAP ของ New Oriental สำหรับปีงบประมาณ 2568-70 ลง 9.1%, 17.8% และ 25.8%ตามลำดับ เนื่องจากมุมมองที่ลดลงต่ออัตรากำไรจากการดำเนินงานแบบ Non-GAAP นอกจากนี้ Macquarie ยังลดราคาเป้าหมายของหุ้น H-shares ของบริษัทจาก HKD 61.6 เหลือ HKD 34.3 และปรับลดคำแนะนำการลงทุนจาก Outperform เป็น Underperform
Xiaomi (1810 HK) -1.67% ขณะที่ Lei Jun ผู้ก่อตั้งและประธานของ Xiaomi ได้แชร์โพสต์ข้อความบน Weibo จาก Li Xiaoshuang รองประธาน Xiaomi Auto ซึ่งเปิดเผยว่ายอดส่งมอบรถยนต์รุ่น Xiaomi SU7 ในเดือนธันวาคม 2567 สามารถแซงหน้า Tesla Model 3 ได้สำเร็จ โดยข้อมูลระบุว่าในเดือนดังกล่าว Xiaomi SU7 มียอดขาย 25,815 คัน ติดอันดับที่ 4 ในกลุ่มรถยนต์ Pure Electric Sedan ที่ขายในจีน ขณะที่ Tesla Model 3 ตามมาเป็นอันดับที่ 5 ด้วยยอดขาย 21,046 คัน ด้วยความสำเร็จนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ Xiaomi Auto ในการสร้างชื่อในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และแสดงถึงศักยภาพของแบรนด์ในการแข่งขันในตลาดจีน
หุ้นในกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Xpeng (9868 HK) -3.10%, Li Auto (2015 HK) -3.61% และ Nio (9866 HK) -5.87% ขณะที่ Goldman Sachs มีการออกบทวิเคราะห์ทั้ง 3 บริษัท โดย
- Goldman Sachs มองการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด MONA M03 และ P7+ ของ Xpeng คาดว่าจะช่วยให้ยอดส่งมอบรถยนต์ของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องพร้อมกับแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อีก 4 รุ่นตลอดปี คาดว่าจะทำให้ยอดส่งมอบรถยนต์ในปี 2568 เพิ่มขึ้นถึง 81% YoY อย่างไรก็ตาม Goldman Sachs ยังคงให้คำแนะนำ Neutral เนื่องจากมองว่าอัตราส่วนความเสี่ยงและผลตอบแทนในปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ขณะที่ได้มีการปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิแบบ Non-GAAP สำหรับปี 2567-69อันเนื่องมาจากแรงหนุนด้านยอดขายที่แข็งแกร่งในเดือนมกราคม 2568 แม้จะมีแรงกดดันจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงในตลาด พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้นจาก HKD 49 เป็น HKD 50
- Goldman Sachs มองว่า Nio กำลังเผชิญกับความท้าทายในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (NEV) โดยส่วนแบ่งตลาดของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ 3.9% ในปี 2563 เหลือเพียง 2.3%ในปี 2567 พร้อมเผยว่า Nio มีข้อจำกัดในด้านการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในปีนี้ และการขยายกำลังการผลิตของ Onvo ที่เป็นไปอย่างล่าช้า ทำให้ตกอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ ขณะที่การแข่งขันในตลาดมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2568 ทาง Goldman Sachs จึงได้ปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้น Hshares ของ Nio จาก HKD 30 เหลือ HKD 27 พร้อมลดระดับคำแนะนำเป็น Sell
- Goldman Sachs ยังคงคำแนะนำ "Buy" สำหรับหุ้น Li Auto โดยเผยว่าบริษัทครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ในจีนอยู่ที่ 5%เมื่อปีที่ผ่านมา และมีความพร้อมอย่างดีในปีนี้ ด้วยการปรับปรุงเทคโนโลยี Navigate on Autopilot (NOA) สำหรับการนำทางในเมือง และการพัฒนา AI ที่แข็งแกร่งขึ้น โดย Goldman Sachs ระบุว่าการพัฒนาในด้านการขับขี่อัจฉริยะเหล่านี้จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของยอดขายและเพิ่มอัตรากำไรให้แก่บริษัทในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ได้ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิแบบ Non-GAAP สำหรับปี 2567-69 ลง 3-7%สาเหตุหลักมาจากการปรับลดสมมติฐานด้านราคา เนื่องจากบริษัทเสนอโครงการซื้อรถยนต์แบบผ่อนดอกเบี้ย 0% ให้แก่ผู้บริโภค ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2567 โดยได้มีการปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้นในตลาดฮ่องกงจาก HKD 140 เหลือ HKD 131