AI ช่วยสร้างโอกาสธุรกิจ ในยุค New Normal
ในปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการดำเนินธุรกิจทุกประเภท รวมไปถึงระบบคลาวด์ (Cloud) ในปัจจุบันระบบคลาวด์ไม่ใช่แค่แหล่งจัดเก็บข้อมูลออนไลน์ที่มีความปลอดภัยสูงเท่านั้น แต่ยังมีการนำปัญญาประดิษฐ์และซอฟต์แวร์การบริหารจัดการมาปรับใช้อีกด้วย อีกทั้งข้อมูลถือเป็นหนึ่งในทรัพยากรที่สำคัญของการดำเนินธุรกิจท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวนในปัจจุบัน ข้อมูลต่างๆในองค์กรนั้นจึงเป็นส่วนช่วยในขั้นตอนการตัดสินใจของพนักงานและผู้บริหารโดยตรง และยังแสดงให้เห็นถึงสภาวะขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน รายการสินค้าคงคลัง แรงงาน และลูกค้า ฯลฯ รวมไปถึงระบบการทำงานในทุกภาคส่วนขององค์กร ทำให้สามารถการเพิ่มผลกำไร และวางแผนสร้างความเติบโตในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ออราเคิล (Oracle) บริษัทผู้พัฒนาโซลูชั่นซอฟต์แวร์เพื่อธุรกิจชั้นนำระดับโลก นำเสนอบริการโครงสร้างพื้นฐานของระบบคลาวด์พร้อมโซลูชั่นการทำงานที่ครอบคลุม ซึ่งมีทั้งระบบฐานข้อมูลอัตโนมัติบนพื้นฐานของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการทำงานเลียนแบบเครื่องกล (Machine Learning) ซึ่งมีทั้งซอฟต์แวร์การวางแผนทรัพยากรแรงงาน การเงิน และห่วงโซ่อุปทานแบบครบวงจร โดยออราเคิลมุ่งมั่นออกแบบโซลูชั่นการทำงานเฉพาะด้านให้แก่ลูกค้าเฉพาะราย เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาการทำงานได้อย่างตรงจุด สร้างผลลัพธ์ในการดำเนินงานที่พึงประสงค์ และสามารถปรับเปลี่ยนโซลูชั่นใหม่ๆ เข้ากับระบบการทำงานเดิมของบริษัทลูกค้าได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ
โซลูชั่นเพื่อการประกอบกิจการของออราเคิลจะทำงานผ่านระบบคลาวด์เต็มรูปแบบ ซึ่งมีทั้งการวางแผนทรัพยากรเพื่อวิสาหกิจ (Enterprise Resource Planning: ERP) การบริหารห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management: SCM) การบริหารจัการทุนทรัพยากรมนุษย์ (Human Capital Management: HCM) และอื่น ๆ โดยเมื่อติดตั้งและทำงานร่วมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และการทำงานเลียนแบบเครื่องกล จะทำให้โซลูชั่นเหล่านี้สามารถสร้างข้อมูลสถิติเชิงลึกและการวิเคราะห์ที่แม่นยำได้ ซึ่งช่วยให้พนักงานสามารถบริหารปัจจัยต่าง ๆ เช่น รายการสินค้า และการสร้างมูลค่าได้อย่างถูกต้องแบบเรียลไทม์ และช่วยให้ผู้บริหารสามารถตรวจพบปัญหา ดำเนินการแก้ไข และตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องและฉับไวทันต่อเหตุการณ์
การใช้แอปพลิเคชั่นผ่านระบบคลาวด์ยังทำให้การบริหารข้อมูลมีความโปร่งใสและทุกฝ่ายในองค์กร (ซึ่งอาจรวมถึงพันธมิตรคู่ค้า ซึ่งสามารถตั้งค่าการเข้าถึงเฉพาะส่วนได้) สามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นได้พร้อมกันเพื่อร่วมหารือถึงโอกาสทางธุรกิจ โดยพิจารณาจากข้อมูลเชิงลึกที่เกิดจากการวิเคราะห์โดย ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการทำงานเลียนแบบเครื่องกล (Machine Learning) นำองค์กรไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง และบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจในระยะยาว นอกจากนี้ หากเกิดปัญหาขึ้นในกระบวนการทำงาน ทุกฝ่ายจะสามารถตรวจพบได้ในทันทีว่าเกิดความขัดข้องในขั้นตอนใด และสามารถดำเนินการแก้ไขได้อย่างทันท่วงที ซึ่งช่วยจำกัดขอบเขตความเสียหายได้อย่างมาก
ระบบคลาวด์มีประสิทธิภาพกว่าเซิร์ฟเวอร์บริษัท
ในอดีตบริษัทต่าง ๆ มักจัดเก็บข้อมูลในเซิร์ฟเวอร์ซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าถึงหากต้องทำงานนอกสถานที่ ซึ่งเซิร์ฟเวอร์จะทำหน้าที่เพียงจัดเก็บข้อมูลและแสดงผลข้อมูลเบื้องต้นได้เท่านั้น ข้อเสียหลักของระบบเซิร์ฟเวอร์คือการลงทุนที่สูงทั้งในส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ซึ่งบริษัทต้องลงทุนเองทั้งหมดตั้งแต่การจัดซื้ออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์พื้นฐาน โซลูชั่น ซอฟต์แวร์ และระบบการขับเคลื่อนต่าง ๆ ตลอดจนต้องมีพนักงานฝ่ายไอทีคอยดูแล ซ่อมแซม และอัพเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถปกป้องเซิร์ฟเวอร์จากภัยคุกคามทั้งจากภายในและภายนอกองค์กร สิ่งนี้ต้องอาศัยงบประมาณมหาศาลและยังมีความเสี่ยงสูงที่บริษัทจะถูกแฮ็คข้อมูล
โครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ของออราเคิลใช้เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการทำงานเลียนแบบเครื่องกล (Machine Learning) ในการขับเคลื่อนการทำงานด้วยตัวเอง ทั้งรักษาความปลอดภัย และซ่อมแซมตัวเองได้ ถือเป็นการทำงานแบบอัตโนมัติโดยสมบูรณ์แบบ ทำให้เกิดประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความมั่นคงปลอดภัยที่มากกว่าระบบเซิร์ฟเวอร์ปกติของบริษัท เพื่อการรับมือกับภัยคุกคามและสนับสนุนการบริหารจัดการข้อมูลที่มีความยืดหยุ่นสูงได้พร้อมกัน ทำให้ลูกค้าที่ใช้บริการระบบคลาวด์ของออราเคิลมั่นใจได้ว่าจะมีผู้คอยดูแลความปลอดภัยของข้อมูล และบริษัทจะมีระบบการจัดเก็บข้อมูลที่ทันสมัยและปลอดภัยที่สุดในโลกใช้งานอยู่ตลอดเวลา โดยไม่ต้องมีการลงทุนมากมายแต่อย่างใด
องค์กรชั้นนำใช้ระบบคลาวด์เพื่อฝ่าฟันวิกฤต
หนึ่งในตัวอย่างขององค์กรธุรกิจที่หันมาใช้งานและได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากโซลูชั่นคลาวด์คือ บริษัทเงินติดล้อ ผู้นำด้านธุรกรรมการเงินรายย่อยในประเทศไทยซึ่งเป็นลูกค้าที่ใช้โซลูชั่นด้านการเงินแบบติดตั้งฐานข้อมูลในองค์กรของออราเคิลมาเป็นเวลานาน ได้ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้โซลูชั่นการวางแผนทรัพยากรองค์กรบนระบบคลาวด์ของออราเคิล (Oracle Fusion Cloud ERP) ซึ่งทำให้บริษัทมีฟีเจอร์การทำงานใหม่มากมาย พร้อมความสามารถขั้นสูงในการบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าที่สมบูรณ์แบบบนแพลตฟอร์มเดียว ซึ่งช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานในภาพรวมได้อย่างดีเยี่ยม
อีกตัวอย่างหนึ่งขององค์กรขนาดใหญ่ที่ใช้โซลูชั่นของออราเคิลในการเพิ่มความยืดหยุ่นของการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ปัจจุบัน คือกรณีของ FedEx Services บริษัทขนส่งชั้นนำซึ่งได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากเสียสมดุลด้านทรัพยากร (ห่วงโซ่อุปทาน) ด้านการขนส่งสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างกระทันหันในขณะที่พนักงานขับรถไม่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทกำลังเปลี่ยนโครงสร้างทางการเงินให้ทำงานผ่านระบบคลาวด์ แทนที่แผนการจะถูกระงับ บริษัทกลับสามารถใช้แอปพลิเคชั่นของออราเคิลเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงระบบให้เร็วขึ้น พนักงานจำนวนมากกว่า 30,000 คน สามารถใช้เครื่องมือวิเคราะห์ผ่านระบบคลาวด์เพื่อตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ในขั้นตอนการทำงาน และใช้ระบบอัตโนมัติสะสางงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ความผันผวนด้านทรัพยากร (ห่วงโซ่อุปทาน) มาได้อย่างราบรื่น
ลารส์ เฟเอสต์ หัวหน้าฝ่ายแอปพลิเคชัน ออราเคิล ประเทศไทย กล่าวว่า “เหตุการณ์โควิด-19 ไม่ใช่วิกฤตการณ์ครั้งสุดท้ายที่เจ้าของธุรกิจจะต้องเผชิญ ดังนั้น ผู้ประกอบการทุกรายจึงควรประเมินและสร้างรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้องค์กรมีความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน การลงทุนกับเทคโนโลยีคลาวด์ถือเป็นการปูพื้นฐานการทำงานที่ยืดหยุ่นเพื่อเตรียมรับมือกับความต้องการใหม่ ๆ ที่เกิดจากวิกฤตการณ์ต่าง ๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต”