เงินเฟ้อมะกันพุ่ง 7.5% สูงสุดรอบ 40 ปี
ราคาสินค้าในสหรัฐอเมริกาปรับเพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์เมื่อเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั้งปีของสหรัฐเพิ่มขึ้น 7.5% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปีค.ศ. 1982 หรือสูงที่สุดในรอบ 40 ปี
ราคาสินค้าและพลังงานเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ ขณะที่มีสิ่งที่ต้องจับจ่ายซื้อหาน้อยมากที่ไม่มีการปรับขึ้นราคา สภาพการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีปัญหาด้านการเงินในครัวเรือนตามมา เนื่องจากรายได้ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกัน
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รัฐบาลสหรัฐตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในการหาทางรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐเตรียมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะไม่เกินเดือนมีนาคม
อย่างไรก็ดีการใช้จ่ายเงินของผู้บริโภคในสหรัฐยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของปีที่ผ่านมา ถึงแม้ราคาสินค้าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าน่าจะมาจากสาเหตุหลายประการ ตั้งแต่ความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น การจับจ่ายใช้สอยภาครัฐ ซัพพลายเชนที่กลับเข้าที่ รวมถึงเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นหลังปัญหาขาดแคลนแรงงาน
แอมะซอน เน็ตฟลิกซ์ และพรอคเตอร์แอนด์แกมเบิล เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของบริษัทจำนวนมากที่ประกาศปรับขึ้นราคาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาโดยระบุถึงราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องมีการปรับราคา
การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการซึ่งส่งผลกระทบกับผู้บริโภคสหรัฐครั้งนี้ ยังส่งผลกระทบกับคะแนนนิยมของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐสามารถเติบโตอย่างเข้มแข็งในปีที่ผ่านมาด้วยก็ตาม
ไบเดนได้ออกแถลงการณ์ให้คำมั่นว่าฝ่ายบริหารจะร่วมกันต่อสู้เพื่อเอาชนะเรื่องดังกล่าว พร้อมยอมรับว่างบประมาณของชาวอเมริกันกำลังประสบปัญหา ซึ่งนำไปสู่การสร้างความตึงเครียดบนโต๊ะอาหารในบ้านเรือน