รีเซต

เพจดัง หอบหลักฐานร้องทูตลาว สอบ 10 หมู่บ้าน ยิงกระสุนส่องแสง หลอกเป็นบั้งไฟ

เพจดัง หอบหลักฐานร้องทูตลาว สอบ 10 หมู่บ้าน ยิงกระสุนส่องแสง หลอกเป็นบั้งไฟ
มติชน
25 ตุลาคม 2564 ( 11:26 )
104

เพจดัง หอบหลักฐานร้องทูตลาว สอบ 10 หมู่บ้าน ยิงกระสุนส่องแสง หลอกเป็นบั้งไฟ ยันไม่กังวลกระแสต่อต้าน แค่ต้องการพิสูจน์ความจริง

 

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 25 ตุลาคม ที่สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทย นายสมภพ ขำสวัสดิ์ แอดมินเพจพิสูจน์บั้งไฟพญานาค นำหลักฐานเป็น รายชื่อหมู่บ้าน ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่บันทึกการเกิดบั้งไฟพญานาค มาเป็นหลักฐานยื่นให้สถานเอกอัครราชทูตลาว สืบหาความจริงกรณีการเกิดบั้งไฟพญานาค เป็นการยิงกระสุนแสงจากหมู่บ้านฝั่งลาว ซึ่งสร้างความเข้าใจผิดให้กับคนไทยมานานหลายสิบปี

 

นายสมภพ กล่าวว่า ทางเพจได้ตรวจสอบและสังเกตการณ์เรื่องนี้มานาน 10 ปี เก็บรวบรวมข้อมูลมาโดยตลอด โดยย้อนกลับไปเมื่อปี 54 ขณะนั้นยังมีความเชื่อในเรื่องบั้งไฟพญานาค ก่อนที่ อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังจะระบุว่า ยังไม่มีใครเคยถ่ายภาพบั้งไฟขึ้นจากน้ำได้เลย จึงพยายามหาหลักฐานจากยูทูป หรือช่องทางต่างๆ เพื่อมายืนยัน แต่หาอย่างไรก็ไม่เจอ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นภาพมืดๆ และมีลูกไฟขึ้นมาแต่ไม่สามารถบอกได้ว่ามาจากไหนกันแน่ กระทั่งถึงวันออกพรรษาในปี 54 จึงตัดสินใจเดินทางไปดูบั้งไฟพญานาคด้วยตัวเอง โดยใช้กล้อง DSLR เปิดหน้ากล้องไว้นานๆ เพื่อให้เห็นลูกไฟเป็นเส้น แต่ภาพที่ถ่ายได้กลับไม่ใช่ลูกไฟขึ้นจากน้ำ แต่ส่วนใหญ่ขึ้นมาจากฝั่งลาวทั้งนั้น โดยลักษณะคล้ายของแข็งและพุ่งขึ้นเป็นเส้นตรง

 

นายสมภพ เปิดเผยอีกว่า จากนั้นจึงเริ่มเฝ้าติดตามมาโดยตลอด และเปลี่ยนจุดชมบั้งไฟไปหลายๆจุด หวังว่าจะเจอบั้งไฟขึ้นจากน้ำสักครั้ง โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็นำโดรนมาใช้ถ่ายเพื่อหาหลักฐาน เป็นการตั้งกล้องจากฝั่งไทย ก็พบว่าคลิปวิดีโอที่บันทึกได้นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นลูกไฟที่ปรากฏจากทางฝั่งลาวทั้งสิ้น ซึ่งไม่ใช่การยิงจากริมตลิ่ง แต่ยิงลึกลงไปในน้ำ โดยส่วนตัวเชื่อว่า บั้งไฟพญานาคเกิดจากฝีมือมนุษย์

 

 

“จึงได้ตระเวนไปตามหมู่บ้านไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งโขงเพื่อพิสูจน์หลายครั้ง ก็พบว่า ฝั่งตรงข้ามของไทยซึ่งเป็นหมู่บ้านลาวนั้นมีหลายหมู่บ้านที่เชื่อว่ามีการยิงกระสุนแสงทำให้เกิดบั้งไฟพญานาค ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีเพื่อนไปถ่ายจากฝั่งลาว ก็ได้ไปอยู่ใกล้กับคนยิงปืนส่องแสง และยินเสียงการยิงกระสุนชัดเจนจึงรีบหนีออกมา โดยครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้เดินทางไป วัดอาฮง ใน จ.บึงกาฬ จากการลงพื้นที่ สามารถนับลูกไฟได้ 2 ลูก เป็นลักษณะไฟแดงอมชมพู ซึ่งเกิดขึ้นจากฝั่งลาวเช่นกัน”

 

นายสมภพ กล่าวว่า แม้จะมีกระแสต่อต้านก็ไม่รู้สึกกังวลใจแต่อย่างใด เพราะมีการเชิญชวนให้พิสูจน์บั้งไฟพญนาค ตนก็คือคนหนึ่งที่อยากพิสูจน์การเกิดบั้งไฟพญานาคเช่นกัน และตนก็ไม่ได้ลบหลู่พญานาคแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการพิสูจน์ข้อเท็จจริงของการเกิดเหตุการณ์บั้งไฟพญานาคเท่านั้น

 

ทั้งนี้ที่บริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตลาว มีตำรวจ สน.วังทองหลางดูแลความเรียบร้อยจำนวนหนึ่ง ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่จะแจ้งว่าวันนี้สถานทูตปิด จึงนายสมภพจึงได้ยื่นหลักฐานกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ส่งต่อกับเจ้าหน้าที่สถานทูตในภายหลัง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง