'รัฐวิกตอเรีย' ยอดป่วยโควิด-19 พุ่ง หลังเปิดเรียนออนไซต์
ข่าววันนี้ 8 ก.พ. (ซินหัว) -- รัฐวิกตอเรียของออสเตรเลียพบว่ามีนักเรียนหลายพันรายมีผลตรวจโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เป็นบวก นับตั้งแต่กลับมาเรียนที่โรงเรียน ขณะที่รัฐบาลของรัฐฯ ยังไม่ได้ลงมติว่าจะขยายการทดสอบเพื่อการเฝ้าระวังของโรงเรียน
วันอังคาร (8 ก.พ.) เจมส์ เมอร์ลิโน รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการของรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่ามีนักเรียน 2,368 ราย และเจ้าหน้าที่ในโรงเรียน 125 ราย ที่มีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวกในวันจันทร์ (7 ก.พ.) ส่งผลให้มีนักเรียนติดเชื้อ 7,046 ราย และเจ้าหน้าที่ติดเชื้อ 925 ราย นับตั้งแต่โรงเรียนเปิดทำการเรียนการสอนอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แม้จะพบการติดเชื้อ แต่ไม่มีการบังคับให้โรงเรียนกลับไปทำการเรียนการสอนทางออนไลน์ โดยเมอร์ลิโนชี้ว่าคำแนะนำให้ทดสอบแอนติเจนแบบเร็ว 2 ครั้งต่อสัปดาห์ในปัจจุบัน ได้สร้างความมั่นใจและความสบายใจแก่ทุกคนในโรงเรียน
"เมื่อทำการทดสอบเพื่อเฝ้าระวังโรค ก็ย่อมจะได้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งหมายความว่าเราจะระบุตัวผู้ป่วยได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งจะทำให้จำนวนผู้ป่วยโดยรวมลดลงและหยุดยั้งการแพร่เชื้อ" เมอร์ลิโนกล่าว
ขณะเดียวกัน รัฐวิกตอเรียพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 9,785 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิตจำนวน 20 ราย ในวันอังคาร (8 ก.พ.) ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,500 รายจากยอดผู้ป่วยวันก่อนหน้า
แผนการเปิดเรียนที่โรงเรียนของรัฐฯ กำหนดให้มีการเฝ้าระวังใน 4 สัปดาห์แรกของภาคเรียนที่ 1 โดยรัฐบาลของรัฐฯ ยังไม่มีมติขยายเวลาแผนดังกล่าว พร้อมกล่าวว่าจะทบทวนสถานการณ์อย่างทันท่วงทีและแจ้งให้ทราบหากมีการเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ดี วันอังคาร (8 ก.พ.) แดเนียล แอนดรูว์ นายกรัฐมนตรีรัฐวิกตอเรีย ประกาศว่าโครงการตรวจโรคโควิด-19 ของโรงเรียน จะขยายให้ครอบคลุมเด็กอายุ 3-5 ปี ในสถานบริการดูแลเด็กปฐมวัย
ทั้งนี้ อีกสองสัปดาห์ข้างหน้าจะมีการส่งมอบชุดทดสอบแอนติเจนแบบเร็ว 1.6 ล้านชุดสู่สถานบริการต่างๆ โดยเริ่มจากบริการระดับอนุบาลก่อน ต่อจากนั้นจะเป็นระดับปฐมวัย