รีเซต

จับตาสหรัฐฯ "ชัตดาวน์" เสี่ยงล้ม "โดมิโน" เศรษฐกิจ หวังพึ่ง 7 เสียง "เดโมแครต" ฝ่าด่าน "สว."

จับตาสหรัฐฯ "ชัตดาวน์" เสี่ยงล้ม "โดมิโน" เศรษฐกิจ หวังพึ่ง 7 เสียง "เดโมแครต" ฝ่าด่าน "สว."
TNN ช่อง16
29 กันยายน 2568 ( 11:16 )
8

รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ภายใต้การนำของ "โดนัลด์ ทรัมป์" กำลังเผชิญกับความเสี่ยงในการ "ชัตดาวน์" หรือภาวะที่หน่วยงานรัฐบาลจะต้องปิดทำการ โดยจะไม่มีการลงมติจากรัฐสภา ซึ่งจะมีผลบังคับใช้หลังเวลาเที่ยงคืนของวันพุธที่ 1 ตุลาคม ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ 

การปิดทำการของรัฐบาลอาจส่งผลกระทบต่อการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่จะรายงานหลังจากนี้ รวมถึงรายงานการจ้างงานที่มีกำหนดรายงานในวันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม และอาจจะกระทบต่อภาพรวมก่อนการประชุมนโยบายครั้งต่อไปของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในอีกสี่สัปดาห์ข้างหน้า

ทอม บล็อก นักยุทธศาสตร์นโยบายของ Fundstrat ได้รายงานว่า "โอกาสเดียวที่จะหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯได้จริง คือการที่วุฒิสภาต้องผ่านมติที่สภาผู้แทนราษฎรอนุมัติ หรือมติต่อเนื่อง โดยจะต้องผ่านการอภิปรายในวุฒิสภา และจะต้องได้รับคะแนนเสียง 60 เสียงเพื่อให้ร่างกฎหมายนี้ผ่าน ซึ่งหมายถึงการโหวตข้ามขั้วของเสียงสมาชิกวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครตถึงเจ็ดคน ซึ่งนับว่าเป็นงานที่หนักหนาสาหัสภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน

ซึ่งจากรายงานของ Oxford Economics ระบุว่าการปิดหน่วยงานภาครัฐจะทำให้พนักงาน 40% ถูกพักงานชั่วคราว โดยพนักงานเหล่านี้จะได้รับเงินเดือนย้อนหลังเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง ท่ามกลางความพยายามของทำเนียบขาว ที่เตรียมการปลดพนักงานจำนวนมาก ไม่ใช่แค่การพักงานชั่วคราว ในกรณีที่เกิดการปิดหน่วยงาน และตลาดแรงงานในปัจจุบันก็ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลกลางจะมีความสามารถในการรองรับพนักงานภาครัฐที่ว่างงานใหม่หลายพันคนได้

ในทางทฤษฎี การลดจำนวนพนักงาน หรือ RIF สามารถกำหนดเป้าหมายไปที่พนักงานที่ถูกพักงานชั่วคราวทั้งหมดได้ แม้ว่าในทางปฏิบัติแล้วอาจจะสามารถทำได้ยาก แต่หากเกิดเหตุการณ์ที่พนักงานของรัฐบาลถูกเลิกจ้างเป็นจำนวนมาก และต้องประสบปัญหาในการหางานใหม่ ก็จะเพิ่มแรงกดดันต่ออัตราการว่างงานในสหรัฐฯ

ซึ่งถ้าหากรายงานการจ้างงานเดือนกันยายนสามารถที่จะรายงานได้ในวันศุกร์นี้ นักเศรษฐศาสตร์วอลล์สตรีทคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสร้างงานนอกภาคเกษตรกรรมใหม่ 43,000 ตำแหน่งในเดือนนี้ และคาดว่าอัตราการว่างงานจะคงอยู่ที่ 4.3%

ในขณะที่การต่อสู้ทางกฎหมายเกี่ยวกับผู้ที่จะดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ก็ยังคงเป็นประเด็นร้อนของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทีมกฎหมายของลิซ่า คุก ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้ศาลฎีกาปฏิเสธความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ที่จะปลดเธอออกจากตำแหน่ง

รวมถึงคุกยังได้รับการสนับสนุนจากอดีตประธานเฟด ทั้งเบน เบอร์นันเก้ และเจเน็ต เยลเลน ในคำแถลงสรุปคดีความที่ยื่นต่อศาล หลังรัฐบาลทรัมป์ได้พยายามปลดคุกออกจากตำแหน่งในคณะกรรมการเฟด ท่ามกลางข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อโกงสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เกี่ยวข้องกับบ้านที่ซื้อในปี 2564 ซึ่งคำสั่งศาลชั่วคราวยังคงให้คุกเข้าร่วมการประชุมนโยบายของเฟดในเดือนนี้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง