KTISแววดีราคาน้ำตาลดีด จ่อรับทรัพย์กลุ่มธุรกิจโต
KTIS สแกนภาพรวมทั้งปี 2566 ดีเกินคาด จากราคาน้ำตาลดีดตัวต่อเนื่องและสามารถผลิตน้ำตาลดีขึ้น พร้อมจับธุรกิจใหม่หนุนรายได้ 2 พันล้าน เผยกำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกปี 2566 โตแรง 211%
นายประพันธ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร เปิดเผยภาพรวมปี 2566 คาดว่าจะมีผลประกอบการที่ดีเกินคาด เนื่องจากราคาจำหน่ายของผลิตภัณฑ์ในทุกกลุ่มธุรกิจทยอยปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งธุรกิจหลักอย่างผลิตภัณฑ์น้ำตาล ผลิตภัณฑ์เยื่อกระดาษ ผลิตภัณฑ์เอทานอล และผลิตภัณฑ์ไฟฟ้า หนุนรายได้ให้เติบโต ทั้งนี้คุณภาพอ้อยที่ดีขึ้น สามารถเข้าหีบอ้อยได้เพิ่มขึ้นจากปี 2565 และสามารถผลิตน้ำตาลได้ดีขึ้น รวมถึงราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่กำลังดีดตัว จะส่งผลให้รายได้จากการขายและการบริการของบริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ราคาน้ำตาลดีดขึ้น
จากบราซิลเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของโลก และยังมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง โดยส่งผลให้การรับส่งมอบสินค้ามีปริมาณที่หนาแน่นที่ท่าเรือ รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น จะเป็นปัจจัยบวกให้ธุรกิจน้ำตาลเป็นที่ต้องการของตลาด โดยราคาน้ำตาลตลาดโลก ล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566 ขึ้นแตะ 27 เซ็นต์ต่อปอนด์ ทั้งนี้ บริษัทสามารถผลิตน้ำตาลได้กว่า 8 ล้านกระสอบ เพิ่มสูงขึ้นกว่าปี 2565 ที่มีการผลิตน้ำตาลได้ราว 6 ล้านกระสอบ ถือว่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ดี ส่งผลให้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
อย่างไรก็ตาม บริษัทมองภาพรวมอุตสาหกรรม คาดราคาน้ำตาลยังคงดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2566ยาวไปจนถึงปี2567 โดยคาดว่าจะอยู่ราว 23-27 เซ็นต์ต่อปอนด์ จะทำให้บริษัทสามารถมีราคาขายน้ำตาลที่ดีในระยะยาว
เล็งธุรกิจใหม่รายได้ 2 พันล.
สำหรับโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ (NBC) เฟส 1 ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท จีจีซี เคทิสไบโออินดัสเทรียล จำกัด หรือ GKBI ซึ่งบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่ม KTIS และกลุ่ม PTT มีโรงงานผลิตเอทานอลจากน้ำอ้อย ปัจจุบันซึ่งมีอัตราหีบอ้อยเพิ่มขึ้นจากปี 2564/2565 ที่มีหีบอ้อยราว 4 แสนตัน เป็น 1.3 ล้านตัน ในปี 2565/2566 ส่งผลให้มีรายได้จาการขายเอทานอลเข้ามาเกือบ 1 ร้อยล้านลิตร และมีรายได้จากการขายไฟที่เริ่มขายให้กับทาง EGAT คาดว่าโครงการดังกล่าวจะหนุนรายได้เติบโตราว 2 พันล้านบาทอีกด้วย
สำหรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมจากชานอ้อยที่ผลิตจากเยื่อกระดาษ ซึ่งกำลังดำเนินการทดสอบการผลิต หากเริ่มเดินเครื่องเต็มกำลัง จะมีกำลังการผลิตราว 50 ตันต่อวัน หรือราว 3 ล้านชิ้นต่อวัน โดยบริษัทได้เริ่มดำเนินการผลิตและส่งมอบให้แก่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศแล้วบางส่วนเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทคาดว่าธุรกิจนี้จะสร้างอัตรากำไรที่ดีได้ในอนาคตเช่นกัน
กำไรงวด 6 เดือน โตแรง 211%
สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่ม KTIS งวด 6 เดือนปี 2566 หรือ ช่วงเดือนตุลาคม 2565 - มีนาคม 2566 บริษัทมีรายได้รวม 8,598.7 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 22.1% และมีกำไรสุทธิ 1,027.4 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนถึง 211.0% โดยการเติบโตของกำไรสูงกว่าการเติบโตของรายได้นั้น เนื่องจากสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิได้สูงขึ้น เมื่อเทียบระหว่างงวด 6 เดือนแรกปี 2565 กับปี 2566 โดยอัตรากำไรขั้นต้นของสายธุรกิจน้ำตาลทรายเพิ่มขึ้นจาก 10.2% เป็น 18.3% และสายธุรกิจชีวภาพ เพิ่มจาก 14.8% เป็น 25.2%
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของสายธุรกิจต่างๆ เมื่อเทียบกับรายได้รวมของกลุ่มในงวด 6 เดือน ปี 2566 สายธุรกิจน้ำตาลทรายมีสัดส่วนรายได้ที่ 88.6% สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล มีสัดส่วนที่ 12.2% สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล มีสัดส่วนที่ 7.1% สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษจากชานอ้อย มีสัดส่วนที่ 3.3% และอื่นๆ อีก 9.2%