รีเซต

เปิดที่มา "คาปิบารา" สัตว์ฟันแทะหน้าตาสุดฮา ทำไมถึงถูกเรียกว่า "หมามะพร้าว"

เปิดที่มา "คาปิบารา" สัตว์ฟันแทะหน้าตาสุดฮา ทำไมถึงถูกเรียกว่า "หมามะพร้าว"
TNN ช่อง16
6 มีนาคม 2566 ( 10:26 )
224



คำว่า "หมามะพร้าว" กำลังกลายเป็นกระแสไวรัลอย่างมากในสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะผู้ใช้ทวิตเตอร์ (twitter) ที่มีการตั้งชื่อให้ใหม่ ให้กับเจ้า "คาปิบารา" (Capybara) หนู สัตว์ฟันแทะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก งานนี้บอกเลยว่าสุดแปลกและแหวกแนว

ก่อนหน้านี้ คนไทยเองก็เคยออกเสียงเรียก "คาปิบารา" ว่า "กะปิปลาร้า"  แต่ยังไม่พอล่าสุดก็มีการตั้งชื่อให้ใหม่ว่า "หมามะพร้าว" อีกด้วย

เปิดที่มาทำไมเรียก "หมามะพร้าว"

สำหรับที่มาของชื่อ "หมามะพร้าว" ผู้ใช้สื่อออนไลน์อย่างทวิตเตอร์มองว่า ลักษณะของ คาปิบารา นั้นขนและสีคล้ายกับกาบมะพร้าว รวมทั้งคาปิบารา มีสี่ขา หน้ายาวๆ คล้ายๆ กับน้องหมา จนทำให้หลายคนแซวและเรียกกันว่า หมามะพร้าว นี่จึงเป็นที่มาของชื่อนี้ และเมื่อเกิดกระแสไวรัล หลายๆ คนมองว่าเป็นการตั้งชื่อที่สุดแปลกและเหมือนกับน้อง คาปิบารา มากจริงๆ

ทำความรู้จัก คาปิบารา 

คาปิบารา (Capybara) เป็นหนู สัตว์ฟันแทะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Hydrochaeris hydrochaeris เป็นสมาชิกของสกุล Hydrochoerus และมีสมาชิกที่อยู่ในสกุลเดียวกันที่หลงเหลืออยู่นั้นคือ Hydrochoerus isthmius 

ลักษณะ

ลักษณะร่างกายของคาปิบารา เป็นการวิวัฒนาการของสัตว์บกที่ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในน้ำ เช่น การมีแผ่นหนังระหว่างนิ้วเท้าเพื่อการเคลื่อนที่ในน้ำและพื้นโคลน ส่วนตาและจมูกจะวางอยู่ด้านบนของหัวที่มีขนาดใหญ่ ช่วยให้คาปีบาราสามารถเห็นพื้นที่รอบข้าง และหายใจในช่วงการว่ายน้ำได้ ดำน้ำได้นานประมาณ 5 นาที ขนเส้นเล็กหยาบที่ช่วยให้ขนแห้งไว

ถิ่นอาศัย

คาปิบารา เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่บนบก แต่ใช้เวลาไม่น้อยในแต่ละวันอยู่ในน้ำ ถิ่นที่อยู่จะเป็นสระน้ำ แม่น้ำ ทะเลสาบในพื้นที่ป่าดิบชื้นหรือทุ่งหญ้าและป่าโปร่งซาวันนา

พฤติกรรม 

เป็นสัตว์สังคมที่มีการอยู่รวมกับคาปิบาราตัวอื่นๆ เป็นรวมกลุ่มของหลายๆ ครอบครัวมารวมกันโดยมีจำนวนสมาชิกรวมกันประมาณ 10-20 ตัว โดยจะมีเพศผู้ที่เป็นจ่าฝูง และสมาชิกจะประกอบด้วยเพศเมียและลูกๆ รวมทั้งเพศผู้อันดับรองลงมาด้วย โดยตัวผู้ลำดับรองจะอยู่ในพื้นที่วงนอกของฝูง เพื่อเป็นตัวคอยเตือนภัยให้สมาชิกในฝูงรู้ว่ามีสัตว์ผู้ล่ากำลังใกล้เข้ามา 

ภาพจาก AFP


ข้อมูลอ้างอิงจาก zoothailand

ภาพจาก AFP

ข่าวที่เกี่ยวข้อง