ชาวสวนปาล์ม ขอบคุณ 'ลุงป้อม' 3 ปีเพิ่มเม็ดเงิน 2.3 แสนล้าน เชื่อปีนี้รบ.ไม่ต้องประกันรายได้
ข่าววันนี้ 26 เมษายน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ได้กล่าวกับตัวแทนเกษตรกรชาวสวนปาล์มกว่า 25 ราย จากพื้นที่จังหวัดปทุมธานี นครศรีธรรมราช ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และพังงา ที่เข้าพบหารือเรื่องปาล์มน้ำมันที่ทำเนียบรัฐบาล ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มนำ้มันที่ไม่เป็นไปตามกลไกตลาดโลก ด้วยมาตรการด้านอุปสงค์และอุปทาน เพื่อให้มีการบริหารจัดการสต๊อกส่วนเกินที่ สอดคล้องกับฤดูกาลผลิต และการส่งออกนำ้มันปาล์มเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมัน ให้เป็นไปตามโครงสร้างที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมทั้ง การเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ปาล์มนำ้มันเพื่อเพิ่มความต้องการใช้ภายในประเทศและส่งออกเป็นสินค้าสำเร็จรูป 8 ชนิด ทั้งนี้ ด้วยความมุ่งมั่นให้พี่น้องชาวสวนปาล์มมีรายได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น มีความเป็นอยู่ดีขึ้น
ด้าน พลตำรวจเอก ดร.ธรรมศักดิ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา การยกระดับรายได้ของชาวสวนปาล์ม ได้ผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยมูลค่าปาล์มทะลายเพิ่มจาก 5 หมื่นล้านบาทในปี 2562 เป็น 7 หมื่นล้านบาท ในปี 2563 และ 1.1 แสนล้านบาทในปี 2564 รวม 3 ปี 2.3 แสนล้าน และปี 2565 คาดว่าจะมีเม็ดเงินเป็นรายได้ตกถึงชาวสวนปาล์มอีก ไม่น้อยกว่า 1.2 แสนล้านบาท โดยที่รัฐไม่ต้องใช้เงินประกันรายได้เลยแม้แต่สตางค์เดียว
ในขณะที่ผลิตผลการเกษตรอื่นกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์โควิดและสภาวะเศรษฐกิจ แต่ราคาปาล์มน้ำมันกลับวิ่งตามราคาตลาดโลก ทั้งที่โดนปรับลดส่วนผสมในไบโอดีเซลลงเท่าตัว จาก บี10 เป็น บี5 และการบริโภคน้ำมันปาล์มภายในประเทศที่ลดลงจากผลกระทบของการสั่งปิดร้านอาหารป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด แต่พลเอกประวิตรกลับตัดสินใจผลักดันการส่งออกในราคาที่แข่งขันได้ สร้างความต้องการให้กับน้ำมันปาล์มส่งออกมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพื่อบริหารสต๊อคและส่งผลให้ราคาปาล์มทะลายของไทยขึ้นตามราคาตลาดโลกอย่างต่อเนื่องโดยไม่ถูกกดราคาเหมือนปีก่อนๆ
นอกจากนี้ยังสั่งการให้แก้ไขปัญหาทั้งระบบตั้งแต่ระดับต้นน้ำ คือลดการตัดปาล์มดิบและการซื้อขายปาล์มที่ไม่เป็นธรรมให้มีมาตรฐานดีขึ้น ระดับกลางน้ำคือการปรับปรุงอัตราการสกัดน้ำมันปาล์มดิบให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและปลายน้ำคือหาแนวทางการแปรรูปน้ำมันปาล์มดิบและผลพลอยเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ 8 ชนิดที่ กนป. ได้มีมติเห็นชอบและรายงานต่อคณะรัฐมนตรีแล้วและคาดว่าไม่เกินปี 2568 จะมีการนำน้ำมันปาล์มไปใช้ผลิตสินค้าใหม่ๆเหล่านั้น เพื่อใช้ในประเทศและส่งออกไปยังตลาดโลก โดยไม่ต้องห่วงว่าหากมีการลดส่วนผสมน้ำมันปาล์มในไบโอดีเซล แล้วจะทำให้ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำเพราะนี่เป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว ประธาน กนป. ยังเร่งรัดให้มีการจัดทำโครงสร้างราคาที่มีความล่าช้า เร่งรัดให้ติดตั้งมิเตอร์เพื่อการตรวจสอบระดับสต๊อคน้ำมันปาล์มและการปรับปรุงระบบการตรวจสอบระดับสต๊อคให้ทันสมัยและถูกต้อง การแก้ปัญหาการลักลอบการนำเข้าน้ำมันปาล์ม การต่ออายุมาตรการสนับสนุนการส่งออกน้ำมันปาล์ม และการคงสัดส่วนสูตรผสมน้ำมันไบโอดีเซลที่ 5% หรือ บี 5 ชั่วคราวช่วงวิกฤตยูเครนเท่านั้น
เรื่องสำคัญเร่งด่วนอีกประการ คือ การยกร่าง พรบ.ใหม่สำหรับปาล์มน้ำมัน ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ดังนั้นอนาคตปาล์มน้ำมัน จึงมีอนาคตที่สดใสสมกับที่ได้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของไทยในช่วงที่อยู่ในการกำกับดูแลของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี