20 ปี “พาสปอร์ตอุทยานฯ” เพิ่งปัง ! ไอเทมสายเที่ยวรับแคมเปญ “ปั๊มครบทุกอุทยานฯ เที่ยวฟรี 1 ปี”
ได้ชื่อว่าเป็นพาสปอร์ต แต่ไม่เกี่ยวกับการผ่านเข้าหรือออกพื้นที่อุทยานแห่งชาติแต่อย่างใด ถึงไม่พกติดตัวก็สามารถเข้าไปท่องเที่ยวได้ เพราะ “พาสปอร์ตอุทยานฯ” ที่ว่านี้ เป็นเหมือนสมุดบันทึกที่เก็บความทรงจำในการเดินทาง จัดทำขึ้นโดย ส่วนนันทนาการและสื่อความหมาย สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพืชพันธุ์พืช
ลักษณะเป็นหนังสือสีเขียว ขนาดเล่ม 3 x 5 นิ้ว ด้านในเล่มนอกจากหน้าแรกให้กรอกชื่อและที่อยู่เจ้าของพาสปอร์ตแล้ว ก็มีคำแนะนำข้อปฏิบัติ กติกา ขณะที่ท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ มีสารบัญรายชื่ออุทยานแห่งชาติในประเทศไทย ที่เมื่อเราไปอุทยานฯ ที่ไหนก็เปิดไปที่หน้านั้น จะมีรูปภาพไฮไลท์ของอุทยานฯ นั้น ๆ และพื้นที่ว่าง สำหรับการปั๊มสะสมตราประทับของอุทยานฯ แต่ละแห่ง เป็นการเตือนความทรงจำว่า ได้ไปเที่ยวที่ไหนมาแล้วบ้าง และ ยังมีพื้นที่หน้ากระดาษสำหรับจดบันทึกตามอัธยาศัยด้วย
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช บอกว่า พาสปอร์ตท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ มีการจัดทำมานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่อาจจะขาดการประชาสัมพันธ์ จึงทำให้หลายคนไม่รู้ว่ามีสิ่งนี้อยู่ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวสายอุทยานฯ ที่รู้จักและมีพาสปอร์ตนี้ ก็จะนำไปให้เจ้าหน้าที่ประทับตราเป็นที่ระลึกการเดินทาง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการท่องเที่ยวทริปต่อ ๆ ไป
“จากกระแสของ คัลแลนและพี่จอง ที่โชว์พาสปอร์ตเที่ยวอุทยาน ทำให้คนรู้จักและอยากได้พาสปอร์ตอุทยานมากขึ้น ช่วงที่ผ่านมาพาสปอร์ตขายหมดเกลี้ยงทุกอุทยานฯ ทางกรมได้สั่งเร่งจัดพิมพ์ และกระจายจัดจำหน่ายในอุทยานแห่งชาติ ในราคาเล่มละ 100 บาท”
ปัจจุบันการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว นักเดินทางเป็นอย่างมาก จากสถิติปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า 17 ล้านคน สร้างรายได้แตะ 1,600 ล้านบาท โดย 5 อันดับอุทยานแห่งชาติที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่
1.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา
2.อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่
3.อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง
4.อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่
5.อุทยานแห่งชาติเขาคิชกูฏ จ.จันทบุรี
ด้วยสถิติความนิยม และ รายได้ “อุทยานแห่งชาติ” จึงเป็น 1 ในเป้าหมายที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการเป็น Soft Power ประเภทสถานที่ท่องเที่ยว
และตีเหล็กต้องตีตอนร้อน !! .. กระแสพาสปอร์ตท่องเที่ยวอุทยานฯ กำลังมาแรง กรมอุทยานแห่งชาติฯ จึงจัดแคมเปญ ประทับตราพาสปอร์ตอุทยานฯ ครบทุกแห่ง เข้าฟรี 1 ปี พักฟรี 2 ครั้ง ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีอุทยานแห่งชาติ 156 แห่ง ผู้ที่สามารถสะสมตราประทับอุทยานแห่งชาติ ในหนังสือเดินทางท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ ครบทุกแห่งจะได้รับรางวัล รายละเอียดดังนี้
1.ตราประทับพิเศษ เพื่อเป็นตราที่ระลึกสุดท้ายในหนังสือเดินทางท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ “สุดยอด นักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ” และของที่ระลึก พร้อมทั้งลายเซ็นของนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
2.บัตรประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ มีเงื่อนไข เช่น
2.1 ยกเว้นค่าบริการสำหรับบุคคลและการนำยานพาหนะ ในการเข้าไปในอุทยานแห่งชาติและวนอุทยาน สำหรับผู้มีชื่อบนบัตร และยานพาหนะ 1 คัน โดยใช้สิทธิ์ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันออกบัตร
2.2 ยกเว้นค่าตอบแทนที่พักอุทยานแห่งชาติและวนอุทยาน จำนวน 1 หลัง หลังละไม่เกิน 4 คน ใช้สิทธิ์ได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 คืน ภายในระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันออกบัตร
2.3 โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กำหนด สามารถขอรับสิทธิ์ได้ที่สำนักอุทยานแห่งชาติ โทรสายด่วน 1362
สำหรับอัตราค่าบริการเข้า "อุทยานแห่งชาติ" ทั่วประเทศ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 จำนวน 67 แห่ง อัตราค่าบริการชาวไทย เด็ก 10 บาท/คน ผู้ใหญ่ 20 บาท/คน ชาวต่างประเทศ เด็ก 50 บาท/คน ผู้ใหญ่ 100 บาท/คน เช่น ดอยสุเทพ-ปุย , ออบหลวง , ขุนน่าน , ทับลาน , ภูลังกา , เขาหลัก-ลำรู่ เป็นต้น
กลุ่มที่ 2 จำนวน 55 แห่ง อัตราค่าบริการชาวไทย เด็ก 20 บาท/คน ผู้ใหญ่ 40 บาท/คน ชาวต่างประเทศ เด็ก 100 บาท/คน ผู้ใหญ่ 200 บาท/คน เช่น กุยบุรี , เขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด , ผาแต้ม , เขาสก , หาดเจ้าไหม , หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี , ดอยภูคา
กลุ่มที่ 3 จำนวน 9 แห่ง อัตราค่าบริการชาวไทย เด็ก 30 บาท/คน ผู้ใหญ่ 60 บาท/คน ชาวต่างประเทศ เด็ก 150 บาท/คน ผู้ใหญ่ 300 บาท/คน เช่น ดอยผ้าห่มปก, ดอยอินทนนท์ , ธารโบกขรณี, อ่าวพังงา, ไทรโยค, เอราวัณ , แก่งกระจาน เป็นต้น
กลุ่มที่ 4 จำนวน 2 แห่ง อัตราค่าบริการชาวไทย เด็ก 50 บาท/คน ผู้ใหญ่ 100 บาท/คน ชาวต่างประเทศ เด็ก 250 บาท/คน ผู้ใหญ่ 500 บาท/คน ได้แก่ หมู่เกาะสิมิลัน และหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา
ซึ่งอัตราค่าบริการดังกล่าว ไม่รวมการนำยานพาหนะ ซึ่งหากนำรถยนต์เข้าไป จะมีค่าบริการสำหรับรถยนต์ 4 ล้อ อยู่ที่ 30 บาทต่อคัน , รถยนต์ 6 ล้อ เก็บ 100 บาทต่อคัน , มากกว่า 6 ล้อ แต่ไม่เกิน 10 ล้อ 200 บาทต่อคัน ส่วนรถจักรยานยนต์ เก็บ 20 บาทต่อคัน
เรียบเรียงโดย : จิตฤดี บรรเทาพิษ
ภาพ : TNN รายการเรื่องดีดีทั่วไทย , FB กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ข้อมูลอ้างอิง : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช