รีเซต

OTO เปิดโมเดลธุรกิจ Tech Company มุ่งสู่ Esport-Tele Medicine มั่นใจปีนี้รายได้โตเกิน 20% จากปี 64 พลิกขาดทุนเป็นกำไร

OTO เปิดโมเดลธุรกิจ Tech Company มุ่งสู่ Esport-Tele Medicine มั่นใจปีนี้รายได้โตเกิน 20% จากปี 64 พลิกขาดทุนเป็นกำไร
มติชน
7 มีนาคม 2565 ( 14:30 )
68

นายคณาวุฒิ วรรทนธีรัช ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จํากัด (มหาชน) (OTO) เปิดเผยว่า หลังจากในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯได้มีการปรับโมเดลธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับบริษัทฯ เพื่อต่อยอดธุรกิจ Call Center และ Contact Center ที่เป็นผู้นำตลาดอยู่แล้ว ซึ่งในปีนี้คาดว่าธุรกิจจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากในช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้งานให้บริการระบบศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์ (1690Call Center) จากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มูลค่า 166 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 36 เดือน ทำให้มีรายได้ประจำ (Recurring Income) จากงานให้บริการเพิ่ม และในปีนี้มีแผนประมูลงานใหม่ทั้งงานภาครัฐและเอกชนเพิ่มเติม อีกทั้งยังคาดว่าในปีนี้ลูกค้าเดิมจะกลับมาใช้บริการ หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น จากการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และรัฐบาลประกาศคลายล็อกดาวน์ ทำให้ภาคธุรกิจเริ่มกลับมาใช้บริการ

 

สำหรับธุรกิจใหม่ที่เป็น New S curve หลังปรับโมเดลธุรกิจสู่ Tech Company เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจสู่น่านน้ำใหม่ (Blue Ocean) ต่อยอดธุรกิจเดิม ผ่านการขยายการลงทุนของบริษัท อินโนฮับ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ร่วมลงทุนกับพันธมิตรทั้งในส่วนของการร่วมลงทุนแพลตฟอร์ม Blockchain Technology และล่าสุดเตรียมเข้าร่วมลงทุนบริษัท ฟิจิตอล สเปซ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจเกมและ ESport ที่กำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก ซึ่งจะมีแหล่งที่มาของรายได้ชัดเจนจาก Sponsorship ในการจัดแข่งขันต่างๆ ผ่าน Platform HUBBER มูลค่าลงทุน 100 ล้านบาท โดยอินโนฮับเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 49%

 

นอกจากนี้ เตรียมเปิดตัว Platform ทางการแพทย์ ต่อยอด Tele Medicine โดยให้คำปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ (Tele Pharmacy) เจาะกลุ่มเภสัชกรไม่ต้องการลงทุนเปิดร้านขายยาเอง ซึ่งบริษัทฯจะมีรายได้จากค่าบริการ

 

“มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 1-3 ปีข้างหน้าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังจากเราได้ปรับโมเดลธุรกิจเข้าสู่ Tech Company อย่างเต็มรูปแบบ จากการเข้าลงทุนในแพลตฟอร์มต่างๆ ที่อยู่ในเมกะเทรนด์ สอดคล้องพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ โดยในปี 2565 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเกิน 20% เทียบปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 657 ล้านบาท และเราพร้อมขยายการลงทุนใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ รองรับแผนการเติบโตในอนาคต เพราะยังมีเงินสดในมือกว่า 500 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.11 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงฐานะทางการเงินที่มีความแข็งแกร่ง”

 

ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2564 นายคณาวุฒิ กล่าวว่า บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 55.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 214% เทียบปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 48.85 ล้านบาท

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง