OTO ประกาศบิ๊กดีล ควักงบลงทุน 100 ล. ลุยเกมดังระดับโลก
ข่าววันนี้ OTO ส่งยานลูก “อินโนฮับ” เซ็นเอ็มโอยูเข้าร่วมลงทุน “ฟิจิตอล สเปซ ดีเวลลอปเม้นท์” ยกธุรกิจเกม-อีสปอร์ต ผ่าน Platform HUBBER ศูนย์รวมเกมดังระดับโลก มูลค่าลงทุน 100 ล้านบาท เข้าถือหุ้น 49%
นายคณาวุฒิ วรรทนธีรัช ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จํากัด (มหาชน) หรือ OTO เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 บริษัท อินโนฮับ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ เพื่อร่วมลงทุนกับบริษัท ฟิจิตอล สเปซ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจเกมและอีสปอร์ต ผ่าน Platform HUBBER มูลค่าเงินลงทุน 100,000,000 บาท
** เข้าถือหุ้น 49%
สิ่งที่ได้รับจากการเข้าลงทุนในครั้งนี้ "อินโนฮับ" จะเข้าถือหุ้นบริษัท ฟิจิตอล สเปซ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จำนวน 2,450,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 10 บาท คิดเป็นร้อยละ 49ของทุนจดทะเบียนหลังการเพิ่มทุน และเหรียญ HUBCOIN จำนวน 10,669,750 เหรียญ รวมถึงผลตอบแทนจากการดำเนินงานของ Platform HUBBER คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 3-4 ปี
สำหรับกลุ่มลูกค้า Platform HUBBER ประกอบด้วย เกมเมอร์/Streamer/Influencer สายเกมบริษัทที่ต้องการสนับสนุน E-sport/บริษัทเกม/บริษัทผลิตสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับเกม ขณะที่การรับรู้รายได้จะมาจากค่าสมาชิก ค่าโฆษณา Sponsorship และส่วนแบ่งจากการบริหารจัดการ งานแข่งขัน และเงินรางวัลจากการแข่งขัน
** ก้าวสู่บริษัทเทค
ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OTO กล่าวอีกว่า การตัดสินใจเข้าร่วมลงทุนกับ “ฟิจิตอล สเปซ ดีเวลลอปเม้นท์” ในครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทฯมองว่า ธุรกิจ E-Sport ที่กำลังมาแรงทั่วโลก สามารถสร้างรายได้จาก Sponsorship จำนวนมหาศาลมีผู้แข่งขันมืออาชีพที่สร้างรายได้เป็นจำนวนมาก จำนวนผู้เล่นเกมทั่วโลกมีมากกว่า 2.7 พันล้านคน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอย่างน้อย 400 ล้านคน ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ การพัฒนาระบบ Game Tournament เพื่อจับตลาดเกมดังๆ เช่น Dota2, LoL และ ROV คาดเริ่มระบบไตรมาส 2-3 ปี 2565ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ผ่าน Sponsorship และ Tournament
“การเข้าลงทุนใน Platform HUBBER เพื่อรุกธุรกิจ E-sport ในครั้งนี้ ถือเป็นการทรานส์ฟอร์มธุรกิจของบริษัทเข้าสู่ Tech Company อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยผลักดันแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565เติบโตอย่างก้าวกระโดด และในช่วงที่เหลือของปีนี้ เตรียมเปิดตัว แพลตฟอร์ม Tele Medicine เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ รองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุค New Normal” นายคณาวุฒิ กล่าวในที่สุด