"น้องฟาง"รอความหวังส่งต่อรักษาโรคภูมิคุ้มกันทำลายสมอง
จากกรณี บัญชี facebook ส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า Yam Patitta ได้โพสต์ขอความช่วยเหลือ จากเหตุการณ์เพื่อนสนิท ที่ชื่อ"น้องฟาง" สาวน้อยวัย 15 ปี ที่ป่วยเป็นโรค Anti NMDA ซึ่งขณะนี้น้องฟางนอนไม่ได้สติ อยู่ ICU ในโรงพยาบาลแห่หนึ่งย่ายมีนบุรี มาร่วม 2 เดือนแล้ว
โดยข้อความ ระบุว่า
#ด่วน ต้องการความช่วยเหลือ
ขอความกรุณาอ่านแล้วช่วยแชร์เพื่อช่วยเพื่อนของหนูด้วยค่ะ🙏
เพื่อนหนูชื่อฟาง อายุ15ปี ป่วยเป็นโรค Anti NMDA ภูมิคุ้มกันตัวเองทำลายระบบประสาทและสมอง โรคนี้โอกาสเกิดน้อยมากจึงไม่เป็นที่รู้จัก แต่เกิดกับฟาง และก็ยังมีโรคเเทรกซ้อนเข้ามาเพิ่มอีก ฟางนอนไม่ได้สติอยู่โรงพยาบาลห้องICU มา 2เดือนแล้ว ตอนนี้ฟางต้องย้ายโรงพยาบาล คุณพ่อของฟางและทางผู้ปกครองพยายามติดต่อโรงพยาบาลหลายแห่งเพื่อย้ายฟางไปรักษาต่อ แต่ก็ยังไม่สำเร็จ หนูขอความกรุณาถ้าใครที่รู้จักคุณหมอที่เชี่ยวชาญด้านนี้ ช่วยมาช่วยรักษาเพื่อนของหนูด้วยนะคะ หรือช่วยแชร์ให้ทั่วถึงที่สุดด้วยค่ะ
เบื้องต้น จากการตรวจสอบกับคนใกล้ชิดครอบครัวน้องฟาง ทราบว่า ขณะนี้ ทางพ่อของน้องฟาง ได้รับการติดต่อจากทางโรงพยาบาลที่รักษาตัวอยู่ หลังจากก่อนหน้านี้ได้เจรจาเพื่อจะขอให้ทำเรื่องส่งตัวไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ และมียาเฉพาะสำหรับรักษาโรคนี้ ในสูตรที่ 4 เนื่องจากโรงพยายบาลที่รักษาตัวอยู่นี้ มีแค่ยาสูตร 3 โดยก่อนหน้านี้ แม้ว่าพ่อของน้องฟางจะได้รับการติดต่อจากทางโรงพยาบาลว่า ได้พยายามเจรจากับโรงพยายาบาลปลายทางเพื่อรับส่งต่อ แต่ยังไม่มีการตอบรับกลับมา โดยระบุว่า ขั้นตอนการรักษาก็ยังคงอยู่ในขั้นตอนที่ต้องรักษาอยู่ปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ทราบว่า ในช่วงคืนที่ผ่านมา พ่อน้องฟาง ได้รับการติดต่ออีกครั้งจากทางโรงพยาบาลว่าทางผู้บริหารจะทำเรื่องส่งตัวให้อีกครั้ง เนื่องจากเริ่มมีกระแสแชร์เรื่องนี้กันในโลกออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยเป็นไปได้ว่าจะส่งตัวไปรักษาต่อยังสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ ต่อไป
สำหรับอาการป่วยด้วยโรค ANTI NMDA ทางพ่อของน้องฟาง ได้เปิดเผยว่า น้องฟางเป็นเด็กเรียนดี ตั้งใจเรียน มาพบว่าเริ่มป่วยก่อนเปิดเทอม ช่วงปลายเดือน มิ.ย. ในครอบครัวตนเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว ดูแลลูก 4 คน น้องฟางมีอาการชาเคยเป็นตั้งแต่ 2-3 ขวบแล้ว ปกติคุณพ่อจะใช้น้ำอุ่นหรือถุงร้อนมาประคบเพื่อบรรเทาอาการ แต่ครั้งนี้อาการหนัก คุณพ่อจึงพาน้องฟางไปโรงพยาบาล เบื้องต้น คาดว่าน้องฟางขาดสารอาหาร
วันต่อมา อาการน้องฟางหนักขึ้น โดยบอกกับคุณพ่อว่า มีอาการชาครึ่งตัวทั้งซีกซ้าย คุณพ่อจึงพาไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง คราวนี้คุณหมอบอกให้มาอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นเพื่อพบคุณหมอเฉพาะทาง แต่ในช่วงกลางดึก ปรากฏว่าอาการไม่ดีขึ้นเกิดชักเกร็ง จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลอีกครั้ง ขณะนั้น น้องฟางยังสามารถกรอกประวัติได้ด้วยตัวเอง เมื่อเข้าห้องฉุกเฉิน คุณหมอก็พาน้องฟางไปเอ็กซเรย์สมอง ก่อนจะแอดมิดนอนในโรงพยาบาล ตอนนั้นคุณหมอคาด น่าจะเกิดจากเชื้อไวรัสเข้าสมองจึงให้ยาฆ่าเชื้อคุมไว้ก่อน
การรักษา ผ่านไป 3-4 วัน น้องฟางเริ่มมีอาการเพ้อ เวลานอนตอนกลางคืนมีอาการกรีดร้อง คุณหมอต้องเจาะไขสันหลังน้องฟางเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสเชื้อแบคทีเรียแต่ก็ไม่พบ ผ่านไป 5 วัน คุณหมอเจาะไขสันหลังอีกครั้ง ก่อนส่งตรวจที่สถาบันประสาทวิทยา ผลตรวจออกมา น้องฟาง ป่วยเป็นโรค Anti NMDA (ภูมิคุ้มกันตัวเองทำลายสารสื่อประสาทในสมอง) ซึ่งอาการที่พบนั้น น้องฟางมีอาการกรีดร้องเป็นระยะ ปากสั่น กัดฟัน จนกัดท่อออกซิเจนจนฟันหน้าโยก 3 ซี่ ขากระตุกอยู่ตลอดเวลา คุณหมอจึงต้องให้ยานอนหลับกับยาคลายกล้ามเนื้อ ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน กว่า 2 เดือน น้องฟางต้องนอนอยู่ในห้อง ICU และใช้เครื่องช่วยหายใจตลอด
ทั้งนี้ ทางพ่อของน้องฟาง และทางโรงพยาบาลที่รักษาตัว ได้พูดคุยเรื่องการรักษามาโดยตลอด และทางแพทย์เจ้าของไข้พยายามติดต่อเรื่องการส่งตัวรักษา แต่หลายแห่งกลับปฏิเสธการรับตัว โดยให้เหตุผลว่า การรับตัวเข้ามารักษาต่ออาจไม่แตกต่างจากวิธีการรักษาที่เดิม จึงยังให้โรงพยาบาลเดิมรักษาตัวไปก่อน
ล่าสุดในเช้าวันที่ 19 ก.ย. ทางกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ทราบเรื่องดังกล่าว และทางผู้บริหารได้มอบหมายให้ นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา เข้าไปประสานงานการรักษาอาการป่วยในเรื่องนี้แล้ว