STC จ่อฮุบบิ๊กโปรเจ็กต์รัฐ เปิดโรงงานใหม่กดต้นทุน

ข่าววันนี้ STC จ้องคว้าโปรเจ็กต์ยักษ์ภาครัฐมูลค่า 150 ล้านบาท คาดเริ่มส่งมอบไตรมาส 2/65 เชื่อดันผลงานปี 65 โตต่อ 10% ฟากผู้บริหารกดปุ่มเดินเครื่องโรงงานใหม่เฟส 3 ลดต้นทุน หนุนมาร์จิ้นฟู ใส่เกียร์ขยายกำลังผลิตแห่งใหม่เพิ่มอีก 20% กอดแบ็กล็อกแน่น 600 ล้านบาท
นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ STC เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจไตรมาส 1/2565 งานเอกชนทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ตามโครงการก่อสร้างจำนวนมาก ขณะที่งานรัฐอาจจะลดลงบ้าง สำหรับโครงการภาครัฐที่บริษัทติดตามคืองานโครงการใหญ่ โครงการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค มูลค่าโครงการราว 370 ล้านบาท และเป็นการขายสินค้าของบริษัท คิดเป็นมูลค่า 150 ล้านบาท หากตกลงเรื่องมูลค่างาน และคุณสมบัติสินค้าเรียบร้อย คาดจะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป
** ยอดขายโต 10%
ทั้งนี้หากเป็นไปตามแผนคาดงานดังกล่าวจะสนับสนุนผลประกอบ STC ปี 2565 เติบโตเพิ่มขึ้น 10% ต่อจากปี 2564 ที่ 422.33 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/2565 อาจจะไม่หวือหวามาก แต่ยังทำให้บริษัทมียอดขายอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ขณะเดียวกันบริษัทเดินเครื่องกำลังผลิตโรงงานนาวัง เฟสที่ 3 แล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา และจะช่วยให้บริษัทมีต้นทุนผลิตลดลง และสร้างอัตรากำไร(มาร์จิ้น) เพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัทจะเดินหน้าขยายกำลังการผลิตโรงงานนาวัง เฟส 4 ต่อไป ซึ่งจะเข้ามาเพิ่มกำลังการผลิตได้มากถึง 20% จากกำลังการผลิตปัจจุบัน เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณลงทุนประมาณ 80 ล้านบาท
“ยอดขายปีนี้เราคาดจะเติบโตประมาณ 10% และจะพยายามผลักดันกำไรให้กลับมาเป็นตัวเลขสองหลัก จากปีก่อนที่มีกำไร 3 ล้านบาท โดยปีนี้เรามีสินค้าใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูง ส่วนปีก่อนเรายังมีออเดอร์รอส่งมอบข้ามมาในปีนี้ ทำให้เราจะมีสินค้าเก่าและใหม่ผสมกันไป แต่เชื่อว่าจะทำให้กำไรเราดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน” นายเอกชัย กล่าว
** แบ็กล็อก600ล.
นายเอกชัย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ราว 600 ล้านบาท แบ่งเป็น งานภาครัฐ 40% และงานเอกชน 60% คาดจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2565 ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันบริษัทจะพยายามรักษาระดับ Backlog ให้อยู่ที่ 700-800 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าต่อจากนี้ลูกค้าจะสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการขยายตัวโครงการต่างๆ
นอกจากนี้บริษัทยังคงมีความสนใจ และมีงานที่อยู่ระหว่างการประมูลทั้งในส่วนของภาครัฐ และเอกชนอีกหลายโครงการ โดยบริษัทคาดว่ามีโอกาสจะชนะการประมูลมากถึง 80-90% เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นงานต่อเนื่องจากโครงการเดิมที่บริษัทเคยได้รับมาแล้วก่อนหน้านี้
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนจะเข้ารับงานภาครัฐโดยตรง จากเดิมบริษัทจำหน่ายสินค้าให้กับภาครัฐเพียง 2-3% เท่านั้น ส่วนการจำหน่ายให้คู่ค้า ซึ่งเป็นผู้รับเหมา และคู่ค้าจำหน่ายให้กับภาครัฐ คิดเป็นสัดส่วน 50-60% บริษัทเล็งเห็นช่องทางการเติบโตในการจำหน่ายสินค้าดังกล่าว ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาวิธีการเจาะกลุ่มภาครัฐ คาดจะเห็นความชัดเจนหลังไตรมาส 2/2565 หากทำได้ตามแผน คาดจะช่วยผลักดันยอดขาย กำไรให้บริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายสินค้าในกลุ่มลูกค้าเดิม