สิ้น 'ยายพูน เอี๊ยวถาวร' หญิงแกร่ง 4 แผ่นดิน 'หลวงพี่น้ำฝน' รับร่างประกอบพิธี ดูแลกันจนวาระสุดท้าย
สิ้น ‘ยายพูน เอี๊ยวถาวร’ หญิงแกร่ง 4 แผ่นดินแห่งนครปฐม ‘หลวงพี่น้ำฝน’ รับร่างประกอบพิธีทางศาสนา ดูแลกันจนวาระสุดท้าย
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม เพจเฟซบุ๊ก หลวงพี่น้ำฝน วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม แจ้งข่าวเศร้าของ คุณยายพูน เอี๊ยวถาวร หญิงแกร่ง 4 แผ่นดินแห่ง จ.นครปฐม เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 93 ปี โดยคุณยายพูนเป็นหนึ่งในบุคคลที่พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน รับไว้ในการดูแล โดยที่ผ่านมาเคยนำคณะสงฆ์เข้าไปทำความสะอาดที่พัก สร้างบ้านให้ใหม่ จัดส่งอาหาร 3 มื้อ พร้อมพาไปทำบัตรประชาชน บัตรผู้พิการ เพื่อรับเบี้ยผู้สูงอายุและผู้พิการ พร้อมเก็บเงินใส่กระปุกใสและทำบัญชีให้ทุกเดือนด้วย
เพจเฟซบุ๊ก หลวงพี่น้ำฝน วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม เปิดเผยว่า ช่วงเย็นของวันที่ 20 สิงหาคม ที่ผ่านมา พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลนครปฐมว่า คุณยายพูน เอี๊ยวถาวร ได้หมดลมหายใจอย่างสงบขณะนอนรักษาตัวด้วยโรคชรา ขณะมีอายุได้ 93 ปี หลังทราบข่าวหลวงพี่น้ำฝนได้รับแจ้งของรับร่างของคุณยายพูนเพื่อนำมาประกอบพิธีทางศาสนา เนื่องจากเป็นบุคคลที่ไม่มีลูกหลานและไร้ญาติพี่น้องดูแล
ก่อนเสียชีวิต คุณยายพูนได้อาศัยในเพิงไม้ริมถนนเพชรเกษม ก่อนถึงสี่แยกทุ่งพระเมรุ โดยใช้ชีวิตลำพัง การดำเนินชีวิตไม่มีความหวัง ไม่มีเป้าหมาย เธอทำได้เพียงแต่นั่งมองรถยนต์วิ่งผ่านไปมาตลอดทั้งวันทั้งคืนในเพิงพักไม่มีน้ำ ไฟฟ้า และต้องกินนอนอยู่กับเศษกับข้าว กองขยะ ในที่พักที่มีสัตว์เลื้อยคลานอยู่ด้วย ทุกวันคุณยายพูนจะอาศัยการขยับร่างกายด้วยท่าทางนั่งยอง และค่อยๆ ยกขาทีละข้าสลับไปช้าๆ เพื่อไปขออาหาร และเครื่องดื่มชูกำลัง จากคนที่ผ่านไปมาเท่านั้น
กระทั่งหลวงพี่น้ำฝนได้รับแจ้งจากศิษย์ว่าเธอถูกทอดทิ้งลำพัง จึงได้เข้าไปพบ ซึ่งสภาพที่ได้เจอกันครั้งแรก เป็นภาพที่น่าหดหู่ ไม่คิดว่ากลางเมืองจะมีหญิงชราไร้ญาติที่ผ่านร้อนหนาวมาถึง 4 แผ่นดิน กระทั่งในวันที่ 12 สิงหาคม 2561 หลวงพี่น้ำฝนได้นำคณะสงฆ์เข้าไปทำความสะอาดที่พักเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับหญิงสูงวัยคนนี้ เพื่อเป็นของขวัญวันแม่และร่วมให้กำลังใจในการต่อสู้กับชีวิต
จากนั้นได้จัดสร้างบ้านพักให้ใหม่ โดยมีไฟฟ้า ห้องน้ำ และจัดเจ้าหน้าที่ของวัดไผ่ล้อมมาจัดอาหาร 3 มื้อให้ทุกวัน จัดทำบัตรประชาชน บัตรผู้พิการ รับเบี้ยผู้สูงอายุ และผู้พิการ โดยจัดเก็บเงินใส่กระปุกใส และทำบัญชีให้ทุกเดือน ก่อนจะมีอาการป่วยได้ราว 1 อาทิตย์ ซึ่งหลวงพี่น้ำฝนได้ประสานคณะแพทย์ พยาบาลให้มาตรวจร่างกายในที่พัก ซึ่งพบว่าคุณยายพูนมีอาการป่วย เนื่องจากความชราภาพ จึงได้นำส่งโรงพยาบาล และมาปิดฉากชีวิตอย่างสงบ
ที่ผ่านมา คุณยายพูนไม่เคยเจ็บป่วย เป็นผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดีมาก แม้จะมีความเบื่อหน่ายกับสังขาร เธอจะพูดบ่อยครั้งว่าอยากจะไปจากโลกนี้ แต่ก็ยังตื่นมาได้ในทุกวัน แม้ช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คุณยายพูนก็ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน เพราะมีอายุมาก เสี่ยงต่อผลข้างเคียง แต่เธอไม่เคยได้รับเชื้อมหันตภัยของโรคที่ทั่วโลกต่างวิตกหวาดกลัว
หลวงพี่น้ำฝนใช้เวลาตั้งแต่วันแรกที่ได้พบยายพูนในการรับเป็นคนในความดูแลตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุเพราะคุณยายพูนมีชื่อที่เรียกเสียงตรงกับหลวงพ่อพูล พระอาจารย์ของหลวงพี่น้ำฝน อีกทั้งเพิ่งสูญเสียคุณแม่บุญส่ง มารดาไปได้ไม่นาน ทำให้มีความตั้งใจที่จะรับคุณยายพูน มาดูแลเหมือนกับญาติผู้ใหญ่ หรือแทบจะเรียกว่านำมาดูแลทดแทนคุณแม่ก็ว่าได้
วันนี้คุณยายพูนได้จบภารกิจในการใช้ลมหายในบนโลกใบนี้ และหลวงพี่น้ำฝนได้ทำหน้าที่ทุกอย่างตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันที่สิ้นลมหายใจของหญิงสูงวัยนครปฐมคนหนึ่ง และเหลือเวลาไม่นาน ร่างสังขารของคุณยายพูนก็จะถูกประกอบพิธีทางศาสนา เพื่อส่งดวงวิญญาณให้กลับไปได้พบกับสามีที่เสียชีวิตไปก่อนหน้าหลายปีแล้ว
คณะสงฆ์ เจ้าหน้าที่ วัดไผ่ล้อม ขอแสดงความไวอาลัยให้กับคุณยายพูน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการดูแล เอาใจใส่ ใครสักคนที่อยู่ในสังคมของเราด้วยความเมตตา จากคณะสงฆ์วัดไผ่ล้อม และทุกคนขอจดจำ รอยยิ้มครั้งสุดท้ายของคุณยายพูน ตลอดไป ซึ่งหลวงพี่น้ำฝนได้ฝากถึงศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนว่า เมื่อเรามีโอกาสที่ดีกว่า อย่าได้ปล่อยใครสักคนให้อยู่อย่างไร้ค่าในสังคม
คุณยายพูนคือเหตุผลของหน้าที่ของพระที่ต้องคงอยู่คู่กับสังคมไทย เพื่อดูแลและทำหน้าที่ของสงฆ์ให้สุดกำลังความสามารถ เพื่อสังคมของเราได้คงอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและมีความสุขตลอดไปนั่นเอง
กำหนดบำเพ็ญกุศล สวดพระอภิธรรม ณ วัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม วันที่ 21-23 สิงหาคม 2565 เวลา 18.00 น. ประชุมเพลิงวันที่ 24 สิงหาคม 2565 เวลา 16.00 น. วัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม