รู้ก่อนจ่ายกับ 3 บทลงโทษและการผ่อนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
จากกรณีที่กระทรวงการคลังออกมาแจ้งให้ประชาชนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ส่งผลให้ประชาชนรีบไปชำระกันเป็นจำนวนมาก
ล่าสุดโฆษกกระทรวงการคลังชี้แจงประชาชนไม่ต้องกังวลต่อการเสียเบี้ยปรับเงินเพิ่มกรณีเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างล่าช้า โดยให้รอใบเรียกเก็บจากอปท. โดยการเรียกเก็บและการชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด และหากไม่ได้จ่ายภาษีที่ดินตามกำหนด จะถือเป็น “ภาษีค้างชำระ” เบื้องต้นทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะออกหนังสือแจ้งเตือน ซึ่งถ้าผู้เสียภาษียังไม่ได้ไปจ่ายจะมีบทลงโทษ ดังนี้
- กรณีไม่ได้จ่ายภาษีที่ดินภายใน ส.ค. 63 จะถือว่า “เป็นภาษีค้างชำระ” และทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีอำนาจในการติดตามเร่งรัดได้ โดยจะออกหนังสือแจ้งเตือนมายังผู้มีหน้าที่ต้องชำระภาษีที่ดินในเดือนถัดไป แต่หากผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ดิน “มาชำระภาษีก่อนที่จะได้หนังสือแจ้งเตือน” จะเสียเบี้ยปรับ 10% ของจำนวนเงินภาษีค้างชำระ
- กรณีจ่ายภาษีหลังได้รับหนังสือแจ้งเตือน เมื่อทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกหนังสือเตือนมาแล้ว และเราไปชำระภาษี “ภายในระยะเวลาที่กำหนดในหนังสือแจ้งเตือน” จะต้องเสียเบี้ยปรับ 20% ของจำนวนเงินภาษีค้างชำระ
- กรณีจ่ายภาษีหลังกำหนดเวลาในหนังสือแจ้งเตือน หากผู้มีหน้าที่ชำระภาษีที่ดิน จ่ายภาษีภายหลังจากระยะเวลาที่กำหนดในหนังสือแจ้งเตือน จะต้องเสียเบี้ยปรับ 40% ของจำนวนเงินภาษีค้างชำระ และจะต้องเสียเพิ่มอีก 1% ต่อเดือนของจำนวนเงินภาษีค้างชำระด้วย โดยเริ่มนับตั้งแต่เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาชำระภาษีจนถึงวันที่มีการชำระภาษี
และหากค้างชำระภาษีนานเกิน 90 วัน หลังจากที่ได้รับหนังสือแจ้งเตือน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิ์ยึด อายัด ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ค้างชำระภาษีนั้นๆ ไปขายทอดตลาดได้ นอกจากนั้นแล้ว หากตรวจสอบพบว่ามีการแสดงหลักฐานเท็จเพื่อเลี่ยงการจ่ายภาษีที่ดิน อาจถูกตัดสินให้มีโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การคำนวนจ่ายภาษีที่ดิน
- ราคา 0-50 ล้านบาท เสียภาษี 0.02% ต่อปี หรือล้านละ 200 บาท
- ราคา 50-75 ล้านบาท เสียภาษี 0.03% ต่อปี หรือล้านละ 300 บาท
- ราคา 75-100 ล้านบาท เสียภาษี 0.05% ต่อปี หรือล้านละ 500 บาท
- ราคา 100 ล้านบาทขึ้นไป เสียภาษี 0.1% ต่อปี หรือล้านละ 1,000 บาท
ลดภาษีที่ดิน 50% และ 90% สำหรับที่อยู่อาศัยบางประเภท
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ “พระราชกฤษฎีกา ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2563” โดยเหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ เพื่อลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างบางประเภท เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพความจำเป็นทางเศรษฐกิจ สังคม เหตุการณ์ กิจการ หรือสภาพแห่งท้องที่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป สำหรับการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามพระราชกฤษฎีกา มีดังนี้
1. ให้ลดภาษีในอัตรา 50% ของจำนวนภาษีที่จะต้องเสีย สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง
- ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สิ่งปลูกสร้าง หรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นห้องชุดที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาใช้เป็นที่อยู่อาศัย และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วย การทะเบียนราษฎร
- ที่ดินที่เป็นที่ตั้งของโรงผลิตไฟฟ้า และโรงผลิตไฟฟ้า
- ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นเขื่อนและพื้นที่เกี่ยวเนื่องกับเขื่อนที่ใช้เพื่อการผลิตไฟฟ้า
2. ให้ลดภาษีในอัตรา 90% ของจำนวนภาษีที่จะต้องเสียสำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง
- ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นอสังหาริมทรัพย์รอการขายที่หน่วยงานดังต่อไปนี้ ได้รับมาเป็นเวลาไม่เกิน 5 ปีนับแต่วันที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตกเป็นของหน่วยงาน
- สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน
- สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น
- สถาบันการเงินประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันการเงินประชาชน
- บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์ - ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างของผู้ประกอบการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเป็นโครงการจัดสรร เป็นเวลาไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่ได้รับอนุญาต
- ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างของผู้ประกอบการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเป็นอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด เป็นเวลาไม่เกิน 3 ปี
- ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างของผู้ประกอบการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นเวลาไม่เกิน 3 ปี
- ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ได้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน กฎหมายว่าด้วย อาคารชุด หรือกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยแล้ว และผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายดังกล่าวยังไม่ได้ขายเป็นเวลาไม่เกิน 2 ปี
- ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในกิจการของสถาบันอุดมศึกษาตามกฎหมายว่าด้วย สถาบันอุดมศึกษาเอกชน เฉพาะที่ใช้เป็นที่ตั้งตามแผนผังแสดงบริเวณและอาคารที่ระบุในรายการ ข้อกาหนดจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษานั้น
- ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในกิจการของโรงเรียนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
- ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นสถานที่ให้บริการแก่ประชาชนเป็นการทั่วไปเฉพาะเพื่อการ ดังต่อไปนี้
- การเล่นกีฬาตามชนิดที่คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยกาหนดให้สามารถ ขอจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมกีฬาได้
- สวนสัตว์ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
- สวนสนุกที่มีเครื่องเล่นที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
- ที่จอดรถของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยที่จัดให้สาหรับผู้โดยสารรถไฟฟ้า
- ที่ดินที่เป็นลานจอดรถโดยสารสาธารณะในสถานีขนส่งผู้โดยสาร - ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างในสนามบินตามที่สานักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
- ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่ตั้งของถนนหรือทางยกระดับที่เป็นทางพิเศษตามกฎหมาย ว่าด้วยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือเป็นทางหลวงสัมปทานตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวงสัมปทาน
สามารถชำระภาษีได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คือ
- สำนักงานเทศบาล
- องค์การบริหารส่วนตำบล
- สำนักงานเขต กรุงเทพมหานคร
- ศาลาว่าการเมืองพัทยา
- องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนด
โดยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สามารถผ่อนชำระได้ด้วย โดยกำหนดระยะเวลาใหม่นั้น ยังคงการผ่อนชำระเป็น 3 งวด ได้แก่
- งวดที่ 1 ภายในเดือนสิงหาคม 2563
- งวดที่ 2 ภายในเดือนกันยายน 2563
- งวดที่ 3 ภายในเดือนตุลาคม 2563
หากใครไม่ได้ไปจ่ายภาษี ภายในเดือนกันยายนก็จะมีหนังสือแจ้งเตือนผู้เสียภาษีที่ยังค้างชำระ และขั้นตอนสุดท้ายในหน้าที่ของ อปท. คือ การแจ้งรายการภาษีค้างชำระให้กับสำนักงานที่ดินและสำนักงานที่ดินสาขา ภายในเดือนตุลาคม 2563
ข้อมูล : thinkofliving, ddproperty