รีเซต

เดือนมิถุนายนยังเป็นเดือนที่ดีของทองคำหรือไม่ วิเคราะห์โดย ฮั่วเซ่งเฮง

เดือนมิถุนายนยังเป็นเดือนที่ดีของทองคำหรือไม่ วิเคราะห์โดย ฮั่วเซ่งเฮง
TNN ช่อง16
7 มิถุนายน 2564 ( 10:43 )
81

GOLD BULLISH

  •  การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ
  •  ความต้องการทองคำจากจีนในปีนี้คาดเพิ่มขึ้น


GOLD BEARISH

  • ธนาคารกลางสหรัฐอาจลดวงเงินมาตรการ QE
  • แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัว 
  • การกระจายวัคซีนโควิด-19 ทั่วถึงมากขึ้นในสหรัฐและจีน


เดือนพฤษภาคมทองคำให้ผลตอบแทนดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 

เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนที่ราคาทองคำปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และให้ผลตอบแทนดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 โดยทองคำ Spot ให้ผลตอบแทน 7.74% และทองแท่งให้ผลตอบแทน 7.85% ราคาทองคำ Spot ในเดือนพฤษภาคมปรับขึ้นโดดเด่นทำจุดสูงสุดในรอบ 4 เดือนครึ่งและทะลุแนวต้าน 1,900 ดอลลาร์ได้ ปัจจัยที่หนุนราคาทองคำมีทั้งปัจจัยด้านพื้นฐานและปัจจัยทางด้านเทคนิค ปัจจัยด้านพื้นฐาน ได้แก่ เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อได้หลังจากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐเร่งตัวสูงขึ้น Bond yield สหรัฐเริ่มเคลื่อนไหวทรงตัว อย่างไรก็ดีทองคำมีปัจจัยลบคือกรรมการเฟดส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มปรับลดวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากการเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC ซึ่งเป็นการประชุมเมื่อวันที่ 27-28 เมษายนที่ผ่านมา ส่วนปัจจัยทางด้านเทคนิคส่งสัญญาณทองคำเป็นขาขึ้นที่ชัดเจน หลังจากที่สามารถทะลุ 1,850 ดอลลาร์ที่เป็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันได้


ผลตอบแทนรายเดือนของทองคำ

 เดือน
ทอง Spot  
ทองแท่ง
ม.ค. 
 -2.70% 
 -2.23%
ก.พ. 
  -6.18% 
-3.43%
มี.ค.
-1.44% 
 -1.38%
เม.ย.
 3.59%
  4.40%
พ.ค. 
 7.74% 
 7.74% 
ที่มา : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด

      

เดือนมิถุนายนทองคำยังเป็นเดือนที่ดีของทองคำหรือไม่

หลังจากที่ผมเกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่าราคาทองคำเพิ่มขึ้นติดต่อกันมา 2 เดือนแล้ว รวมทั้งทองคำไม่มีการย่อตัวลงแรงๆด้วยซ้ำ ทำให้มีคำถามว่าแล้วเดือนมิถุนายนทองคำยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่องหรือไม่ ก่อนที่จะตอบคำถามนี้คงต้องพิจารณากันก่อนว่ามีปัจจัยอะไรที่กระทบต่อราคาทองคำในเดือนมิถุนายน เดือนนี้ต้องบอกว่าเป็นเดือนของการประชุมธนาคารกลางชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางญี่ปุ่น ที่ตลาดจับตามองเป็นพิเศษคงเป็นการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และผมมองว่าการประชุมรอบนี้จะเป็นอีกการประชุมของปีนี้ที่ตลาดจับตามองมากที่สุด หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อสหรัฐเดือนเมษายนพุ่งสูงขึ้น จะมีผลให้เฟดตัดสินใจที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ รวมทั้งประเด็นเรื่องการปรับลดวงเงินในมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จะเริ่มทำเมื่อไหร่ ทั้งนี้ถ้าเฟดมีการส่งสัญญาณว่าจะเริ่มลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินคาดว่าอาจจะส่งผลลบต่อราคาทองคำ ในทางตรงกันข้ามถ้าเฟดยังย้ำว่าจะผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป คาดว่าจะยังช่วยหนุนต่อราคาทองคำ  ส่วนปัจจัยอื่นๆ ได้แก่ ทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ความต้องการเพื่อการลงทุนในส่วนทองแท่งและกองทุนอีทีเอฟทองคำเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำเช่นกัน ผมมองว่าราคาทองคำ Spot เดือนมิถุนายนอาจต้องระวังแรงเทขายทำกำไรบ้าง หลังจากที่ราคาทองคำปรับขึ้นร้อนแรงมาพอสมควร ทั้งนี้ราคาทองคำยังมีแนวโน้มปรับขึ้นได้ในช่วงที่ราคาทองคำปรับลดลง ตราบใดที่ราคาทองคำยังยืนเหนือแนวรับสำคัญ 1,840-1,850 ดอลลาร์   แต่ถ้าหลุดแนวรับดังกล่าวจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,800-1,820 ดอลลาร์  ส่วนแนวต้านแข็งแกร่งอยู่ที่ 1,920-1,930 ดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าจะมีแรงเทขายทำกำไรออกมา ทั้งนี้ถ้าผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวต้านสำคัญ 1,950-1,960 ดอลลาร์ 


สำหรับสัปดาห์นี้ประเด็นหลักที่คาดจะกระทบต่อราคาทองคำ ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางยุโรป คาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรปยังคงตรึงนโยบายการเงินผ่อนคลายต่อไป อาจจะไม่กระทบต่อราคาทองคำมากนัก ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐเดือนพฤษภาคม ซึ่งตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบรายปี สะท้อนให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่ในระดับที่สูง ประเด็นนี้ผมมองว่าตลาดจะให้ความสนใจและอาจทำให้ราคาทองคำผันผวนได้ สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐอื่นๆ ที่จะประกาศสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิถุนายน จำนวนตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครเดือนเมษายน


สัปดาห์นี้แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,850-1,910 ดอลลาร์ ทั้งนี้ทองคำมีแนวรับ 1,870 ดอลลาร์ และ 1,850 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,900 ดอลลาร์ และ 1,910 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 27,650 บาท และ  27,400บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 28,050 บาท และ 28,200 บาท 


 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง