วิกฤตผู้หญิงซีเรีย เหยื่อโลกร้อน ไร้ทางเลือก

1 สิงหาคม 2568 ( 12:00 )
20
ประเทศซีเรียต้องเผชิญภัยคุกคามใหม่ที่รุนแรงไม่แพ้สงคราม นั่นคือวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยซีเรียติดอันดับ 164 จาก 182 ประเทศในดัชนี ND-GAIN ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางสูงมากและความสามารถในการปรับตัวต่ำอย่างน่าวิตก
ความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมของซีเรียมีความเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกจากความขัดแย้งที่ดำเนินมายาวนานกว่า 14 ปี สงครามไม่เพียงทำลายโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แต่ยังซ้ำเติมวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงขึ้น อุณหภูมิที่สูงจัด ไฟป่าที่โหมกระหน่ำ และภัยแล้งที่ยืดเยื้อได้ทำลายฐานทรัพยากรของประเทศไปอย่างรุนแรง โดยตั้งแต่ปี 2011 ป่าของประเทศหายไปกว่า 1 ใน 3 โรงงานน้ำเสียหาย 2 ใน 3 และในปี 2021 ระดับน้ำในแม่น้ำยูเฟรติสลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 70 ปี ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงทางอาหาร น้ำ และการดำรงชีวิตพื้นฐาน
ในภาวะวิกฤตนี้ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือผู้หญิงชาวซีเรีย งานวิจัยล่าสุดที่ศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อสุขภาพผู้หญิงใน 17 ประเทศแถบตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ รวมถึงซีเรีย พบว่ามีความเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างภาวะโลกร้อนกับอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง โดยมลพิษในอากาศและรังสีอัลตราไวโอเลตที่เพิ่มขึ้นทำให้ผู้หญิงมีความเสี่ยงมากขึ้น
ผลกระทบเหล่านี้รุนแรงขึ้นจากผลพวงของสงครามและสภาพเศรษฐกิจที่ล่มสลาย การขาดแคลนน้ำ สุขอนามัยที่เสื่อมโทรม และการเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำกัด โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่สามารถเดินทางไปศูนย์สุขภาพได้หากไม่มีผู้ชายพาไป นอกจากนี้ การหยุดชะงักของโรงกลั่นน้ำมันทำให้เกิดโรงกลั่นเถื่อนจำนวนมากซึ่งปล่อยสารพิษที่เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งให้กับชุมชน
ในภาคการเกษตรซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจในชนบท ผู้หญิงมีบทบาทหลักโดยคิดเป็นแรงงานกว่า 60% ทว่าภัยแล้งและความแห้งแล้งต่อเนื่องได้ทำลายพืชผลทั้งหมดในเดือนเมษายน 2025 ส่งผลให้ผู้หญิงสูญเสียรายได้ เสี่ยงต่อความยากจนและขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง
ปัจจัยจากภายนอกก็มีส่วนซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลง โดยเฉพาะการสร้างเขื่อนของตุรกีบนแม่น้ำยูเฟรติสและไทกริส รวมถึงการโจมตีสถานีไฟฟ้าและแหล่งพลังงาน ทำให้แหล่งน้ำหลักอย่างสถานีอาลูกหยุดทำงาน ส่งผลให้ประชาชนกว่า 1 ล้านคนขาดน้ำใช้ ผู้หญิงและเด็กหญิงต้องเดินทางไกลเพื่อขนน้ำ เสี่ยงต่อการถูกทำร้าย
การอพยพที่เกิดจากวิกฤติสภาพภูมิอากาศ ทำให้ผู้หญิงต้องกลายเป็นหัวหน้าครอบครัว รับผิดชอบทั้งงานเกษตรและงานบ้าน ขณะที่ผู้ลี้ภัยหญิงต้องเผชิญการขาดแคลนปัจจัยพื้นฐานและการถูกล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน หลายรายถูกบังคับให้เข้าร่วมกิจกรรมลักลอบหรือค้ามนุษย์ ภายใต้ความกดดันทางเศรษฐกิจที่ยากจะหลีกเลี่ยง
ท่ามกลางวิกฤต ความไม่เท่าเทียมทางเพศยังคงฝังรากลึกจากค่านิยมชายเป็นใหญ่ ส่งผลให้ผู้หญิงถูกเลือกปฏิบัติ ถูกล่วงละเมิด และขาดโอกาสในการทำงานที่ปลอดภัย หญิงม่ายและผู้ที่สามีอพยพไปต่างประเทศต้องเผชิญกับการตีตราทางสังคม การเข้าไปทำงานเพื่อเลี้ยงครอบครัวก็ก่อให้เกิดความตึงเครียดภายในบ้าน เพราะบทบาทผู้หญิงท้าทายอำนาจดั้งเดิมของผู้ชายเด็กผู้หญิงจำนวนมากต้องหยุดเรียน เพราะครอบครัวไม่สามารถรับภาระไหว การแต่งงานเด็กจึงกลายเป็นทางรอดทางเศรษฐกิจของครอบครัวยากจน หลายครอบครัวยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับชายชาวอิรักสูงวัยแลกกับค่าสินสอด ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่พวกเขามองไม่เห็นทางเลือกอื่น
ภายใต้การนำของผู้นำใหม่ อาเหม็ด อัล-ชาอารา ซีเรียกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่เปราะบาง ต้องเผชิญกับโจทย์ใหญ่ในการฟื้นฟูประเทศที่ถูกทำลายทั้งจากสงครามและภัยธรรมชาติ การแก้ไขวิกฤตครั้งนี้จำเป็นต้องอาศัยแนวทางแบบบูรณาการที่คำนึงถึงมิติทางเพศอย่างจริงจัง โดยต้องเสริมพลังผู้หญิงผ่านโครงการสร้างความตระหนัก ส่งเสริมความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ และเปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายสิ่งแวดล้อมและการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
