ธารน้ำแข็งเอเชียกลางเริ่มละลาย ส่อเผชิญวิกฤตน้ำและอาหารรุนแรง

ธารน้ำแข็งในภูมิภาคเอเชียกลาง โดยเฉพาะในเทือกเขาพามีร์และฮินดูกูช ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ขั้วโลกที่สาม” เนื่องจากมีปริมาณน้ำแข็งมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากขั้วโลกเหนือและใต้ ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ธารน้ำแข็งเหล่านี้ถือเป็นข้อยกเว้นที่ยังคงมีความมั่นคงหรือแม้แต่ขยายตัว แม้ธารน้ำแข็งในภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลกจะละลายลงอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาล่าสุดที่เผยแพร่ในวารสาร Nature Communications Earth & Environment เมื่อเดือนกันยายน 2025 โดยนักธารน้ำแข็งวิทยา Francesca Pellicciotti จากสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีออสเตรีย (ISTA) พบว่า ธารน้ำแข็งในทาจิกิสถานเริ่มมีแนวโน้มถอยหลัง ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าปรากฏการณ์พิเศษนี้อาจสิ้นสุดลง การละลายของธารน้ำแข็งในภูมิภาคนี้มีผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนหลายล้านคนที่พึ่งพาน้ำจากธารน้ำแข็งในช่วงฤดูร้อนสำหรับการเกษตรและการอุปโภคบริโภค
การละลายของธารน้ำแข็งในภูมิภาคเอเชียกลางมีผลกระทบที่สำคัญต่อระบบนิเวศและวิถีชีวิตของประชาชน การสูญเสียแหล่งน้ำจืดที่สำคัญอาจนำไปสู่ความขาดแคลนน้ำ การลดลงของผลผลิตทางการเกษตร และความเสี่ยงจากภัยพิบัติธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมและดินถล่ม นอกจากนี้ การละลายของธารน้ำแข็งยังส่งผลต่อการผลิตพลังงานจากน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของหลายประเทศในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีการพึ่งพาพลังงานน้ำเป็นหลัก เช่น คีร์กีซสถาน
การละลายของธารน้ำแข็งในภูมิภาคเอเชียกลางเป็นสัญญาณเตือนภัยที่ชัดเจนถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อแหล่งน้ำจืดและระบบนิเวศในภูมิภาคนี้ การเฝ้าระวังและการดำเนินมาตรการเพื่อชะลอการละลายของธารน้ำแข็งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคและองค์กรระหว่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็นในการจัดการกับปัญหานี้อย่างยั่งยืน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
