โควิด : ปินส์ป่วยพุ่ง 1.7 แสนคน ติดเชื้อรายวันทะลุ 3 พันคน-ต่อเนื่อง 1 สัปดาห์
โควิด : ปินส์ป่วยพุ่ง 1.7 แสนคน ติดเชื้อรายวันทะลุ 3 พันคน-ต่อเนื่อง 1 สัปดาห์
โควิด : ปินส์ป่วยพุ่ง - วันที่ 18 ส.ค. รอยเตอร์ และ สเตรตส์ไทมส์ รายงานความคืบหน้าวิกฤต โรคโควิด-19 ใน ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งรั้งอันดับ 1 ประเทศสมาชิกอาเซียนที่มีผู้ป่วยติดไวรัสมรณะมากที่สุด ว่า กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์แถลงพบผู้ป่วยใหม่ในช่วง 24 ชั่วโมงทีผ่านมา อีก 4,836 คน
ถือเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ที่มากกว่า 3,000 คน ต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 169,213 คน และเสียชีวิตแล้ว 2,687 ราย
The Philippines' health ministry said total confirmed cases had increased to 169,213. PHOTO: EPA-EFE
รายงานระบุว่า ฟิลิปปินส์เผชิญกับการแพร่ระบาดรุนแรงตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค. หลังพบผู้ป่วยรายวันเพิ่มขึ้นถึง 4,219 คน ต่อมาในวันที่ 13 ส.ค. มีผู้ติดเชื้อรายวันลดลงเล็กน้อยที่ 3,920 คน
ก่อนช็อกหนักเมื่อผู้ป่วยใหม่ในวันที่ 14 ส.ค. สูงถึง 6,123 คน วันที่ 15 ส.ค. ยอดผู้ป่วยใหม่ลดลงมาอยู่ที่ 4,266 คน จากนั้นลดลงอีกในวันที่ 16 ส.ค. กับผู้ติดเชื้อรายวัน 3,327 คน และ 3,217 คนในวันที่ 17 ส.ค.
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ ประกาศผ่อนมาตรการล็อกดาวน์ในกรุงมะนิลาและพื้นที่โดยรอบ เมื่อวันจันทร์ที่ 17 ส.ค. แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศยังไม่ดีขึ้น โดยให้เหตุผลว่าเพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งช่วยเหลือร้านค้าและธุรกิจจำนวนมากจากความเสี่ยงในการปิดกิจการ
Police officers man a quarantine checkpoint, as the Philippine government reimposed a strict lockdown to curb COVID-19 infections, in Marikina City, Metro Manila, Philippines. REUTERS
An armed police officer patrols at a public market where wearing face masks and face shields is mandatory, amid the COVID-19 outbreak in Taytay, Rizal province, Philippines, August 11, 2020.
A police officer checks a bicycle rider's quarantine pass at a checkpoint placed amid the reimposed strict lockdown to curb COVID-19 infections, in Manila, Philippines, August 17, 2020. REUTERS
Passengers wearing masks for protection against the COVID-19 queueing to ride a bus in Quezon City, Metro Manila, Philippines. REUTERS
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: