พบนักปีนเขาติดเชื้อโควิด-19 บนเทือกเขาเอเวอเรสต์
วันนี้( 24 เม.ย.64) เนปาลได้เปิดรับนักปีนเขาต่างชาติให้กลับขึ้นไปบนยอดเขาเอเวอเรสต์ได้อีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิ (spring) เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความกังวลจากผู้เชี่ยวชาญว่าพื้นที่ที่สูงที่สุดของโลกแห่งนี้ จะพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19และเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อพบผู้ติดเชื้อไวรัสบริเวณเบสแคมป์ของยอดเขาเอเวอเรสต์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เออร์เลนด์ เนสส์ นักปีนเขาชาวนอร์เวย์ ถูกอพยพออกไปจากเบสแคมป์ ด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปยังโรงพยาบาลในกรุงกาฏมาณฑุ เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ด้วยอาการคล้ายปอดบวมน้ำ ก่อนที่จะตรวจพบในเวลาถัดมาว่าเขาติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเขาบอกว่ายังไม่รู้ว่าติดเชื้อไวรัสจากที่ใดแต่อาจเป็นไปได้ว่าอาจติดจากร้านชาบางแห่งในหมู่บ้าน กัมบูและยังบอกด้วยว่า ไม่มีนักปีนเขาสวมหน้ากากอนามัยกันมากนัก โดยปัจจุบันพบว่าผลตรวจเชื้อเป็นลบแล้ว
สำนักข่าว New York Times รายงานว่า แท้จริงแล้วมีนักปีนเขาหลายคนที่ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 หลังจากที่ได้ขึ้นไปถึงเบสแคมป์แล้ว แต่ไม่มีตัวเลขที่แน่ชัด ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวเนปาลยังไม่ได้แถลงในเรื่องนี้
ทั้งนี้ เนปาล ซึ่งมีพรมแดนติดกับอินเดียที่กำลังเผชิญการระบาดแบบควบคุมไม่อยู่ ทำให้กังวลว่า เบสแคมป์ ซึ่งมีผู้คนขึ้นไปอย่างหนาแน่น หลังจากที่เริ่มเปิดให้ขึ้นไปได้ ตลอดจนเหล่าลูกหาบก็อาจทำให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็น “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” ได้ด้วยเช่นกัน กระทรวงการท่องเที่ยวเนปาล เปิดเผยเมื่อวันพุธ ( 21 เมษายน) ที่ผ่านมาว่า มีนักปีนเขาต่างชาติ 377 คน ได้ใบอนุญาตให้ขึ้นปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ ในปีนี้ ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขเมื่อปี 2019 แต่มีข้อกำหนดว่า นักท่องเที่ยวที่เขาเนปาล ต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบ 72 ชั่วโมงก่อนขึ้นบิน
สาเหตุที่เนปาลจำเป็นต้องเร่งเปิดยอดเขาให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามานั้น เป็นเพราะ เนปาล ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในประเทศยากจนของเอเชีย มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยวจากต่างชาติ โดยรัฐบาลสามารถเก็บค่าธรรมเนียมได้มากถึง 3.8 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 120 ล้านบาท จากการออกใบอนุญาตให้ปีนเขาในปีนี้
ขณะที่เมื่อปีที่แล้ว เนปาลสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดลงจากการระบาดของโควิด-19 จนทำให้บรรดามัคคุเทศก์หลายคน ต้องใช้ชีวิตด้วยความยากจน บางคนต้องพึ่งพาการปลูกข้าว และมันฝรั่งเพื่อยังชีพ