สรุปดราม่าร้านบุพเฟ่ต์โปรทุเรียน เมื่อลูกค้าไม่แยกโต๊ะตามโปร จนบานปลาย

สรุปดราม่าร้านบุพเฟ่ต์โปรทุเรียน – เมื่อลูกค้าไม่ยอมแยกโต๊ะตามโปร
เรื่องราวที่กำลังเป็นกระแสในโลกโซเชียล ขณะนี้เริ่มต้นจากเหตุการณ์ธรรมดาในร้านบุฟเฟ่ต์ ทุเรียนแห่งหนึ่ง แต่กลับบานปลายจนกลายเป็นปัญหาระหว่างลูกค้าและพนักงานร้าน ไปจนเกิดการขู่ฟ้องร้องสคบ. แต่ดูเหมือนว่าคณะทัวร์ของชาวเน็ตจะเอนเอียงเข้าข้างทางไปทางฝั่งร้านเสียมากกว่า เรามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์
ที่ร้านบุพเฟ่ต์มีน้องพนักงานเดินมาแจ้งผู้จัดการคนที่ 2 ว่ามีลูกค้าต้องการคุยกับผู้จัดการ เมื่อตัวผู้จัดการไปถึงโต๊ะ ลูกค้าแจ้งว่ามาทั้งหมด 5 คน โดยในจำนวนนี้มี 3 คนจะทานโปรโมชั่นทุเรียน และอีก 2 คนไม่ทานทุเรียน
ผู้จัดการจึงแจ้งกับลูกค้าว่า หากจะใช้โปรโมชั่นไม่เหมือนกัน จะต้องแยกนั่งคนละโต๊ะ เพราะตามระเบียบของร้าน โต๊ะเดียวกันต้องใช้แพ็คเกจเดียวกัน
ลูกค้าไม่ยอมจะนั่งโต๊ะเดียวกันให้ได้
ลูกค้าสงสัยว่าทำไมต้องแยก ทั้งที่บางคนไม่ได้กินทุเรียน และเสนอว่าให้พนักงานมายืนเฝ้าก็ได้หากกลัวว่าเขาจะกินผิดโปร ผู้จัดการจึงอธิบายว่าระบบของร้านและแอปพลิเคชันรองรับได้แค่แพ็คเกจเดียวต่อโต๊ะเท่านั้น ลูกค้าตอบโต้ด้วยคำพูดว่า “ไหนอะกฎ ไม่เห็นจะมีเขียนไว้เลย อย่างงี้มันเอาเปรียบลูกค้าไปรึเปล่า” พร้อมขู่จะฟ้อง สคบ.
มีลูกค้าผู้หญิงเสื้อน้ำเงินพูดว่า “แต่เนี่ย ในทางกฎหมายมันไม่ถูกต้อง” และชี้ไปยังโต๊ะข้างๆว่ากลุ่มนั้นเป็นทนายกันทั้งหมด จากนั้นมีผู้ชายโต๊ะข้างๆพูดขึ้นมาว่า “น้องจะไม่ยอมใช่ไหม งั้นน้องรอรับแรงกระแทกนะ น้องพร้อมรับแรงกระแทกหรือยัง?”
สถานการณตึงเครียด ผู้จัดการเข้ามาเคลียร์แต่ก็ยังไม่เข้าใจ
เมื่อสถานการณ์เริ่มตึงเครียด ผู้จัดการคนที่ 1 ได้เข้ามารับช่วงต่อ และได้รับข้อมูลจากผู้จัดการคนที่ 2 ว่าลูกค้าไม่พอใจที่นั่งโต๊ะเดียวกัน แต่ใช้แพ็คเกจต่างกันไม่ได้
ผู้จัดการจึงอธิบายเพิ่มเติมว่า ระบบหลังบ้านของร้านไม่สามารถแยกแพ็คเกจในโต๊ะเดียวกันได้ ลูกค้าเสนอให้คิดราคาส่วนต่างแทน แต่ผู้จัดการปฏิเสธ เพราะขัดกับนโยบายร้าน
จากนั้นลูกค้าพูดอีกว่า “ถ้าคุณไม่ยอม ก็รอรับแรงกระแทกไป” ทำให้ผู้จัดการต้องโทรหาแอดมินเพื่อรายงานเหตุการณ์
เจ้าของร้านสุดท้อแท้ โพสต์ถอดใจขอทำมาหากินอย่างสงบสุข
ต่อมา เจ้าของร้านได้โพสต์ข้อความระบายความอึดอัดใจว่า:
“ทุกวันนี้ไม่ขออะไรมากเลย ขอหาเช้ากินค่ำอย่างสงบสุข ขออย่าได้มีพวกพระเจ้า ลงมาจากสวรรค์ เข้ามากินในร้านเลยเถอะ สาาาาธุ…”
โดยอธิบายว่า ลูกค้ากำลังโวยวาย ทำไมคนละโปรถึงนั่งโต๊ะเดียวกันไม่ได้ ทำไมไม่มีป้ายบอกให้ชัดเจน และมีการพูดขู่จะฟ้อง สคบ. และจะ “รอรับแรงกระแทก” หากร้านไม่ลดราคาให้ 200 บาท
หลังจากโพสต์ออกไป ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวไม่พอใจ และขอเบอร์โทรศัพท์ของเจ้าของร้านผ่านผู้จัดการ เพื่อสอบถามว่าโพสต์แบบนั้นจะเอาอย่างไร
เจ้าของร้านตอบว่าไม่ได้เจาะจงถึงใคร ไม่ได้ระบุตัวตน แต่ตนรู้สึกไม่ปลอดภัยและถูกข่มขู่จากคำพูดต่างๆ จึงไม่ขอเจรจาต่อ
ทั้งหมดนี้จึงกลายเป็นที่มาของเหตุการณ์และกระแสดราม่าที่กำลังถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในขณะนี้
เพจดังโพสต์ถามความเหตุ ผิดตรงไหนเพราะไม่แจ้งลูกค้าก่อน - ชาวเน็ตสวนกลับ
ขณะที่เพจ นิกกี้ขยี้ข่าว ได้โพสต์ข้อความว่า “มีใครเคยเจอร้านที่นั่งกินแล้ว มาแบบครอบครัวเพื่อนฝูง ถูกบังคับให้ต้องซื้อโปรเดียวกันในโต๊ะเดียวกัน ทั้งที่กินไม่เหมือนกันบ้าง เช่น 3 คนกินทุเรียน อีก 2 คนเหม็นทุเรียนไม่ชอบทุเรียนมากๆ แต่ต้องจ่ายโปรเดียวกัน โดยที่ร้านไม่มีป้ายแจ้งบอกรายละเอียดก่อนล่วงหน้าว่าถ้ามาโต๊ะเดียวกัน ต้องสั่งโปรเดียวกัน ถ้ากินไม่มีเหมือนกัน ต้องแยกโต๊ะนั่งเท่านั้น
คนเป็นแฟนกัน กินไม่เหมือนกัน ต้องถูกแยกนั่งคนละโต๊ะเหรอ คนมาเป็นครอบครัว ต้องถูกแยกนั่งคนละโต๊ะเหรอ เพราะแบบนี้ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค ไม่กินแต่ต้องจ่าย”
ทำให้ชาวเน็ตจับตามองว่าแอดมินเพจอาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ จึงทำให้เจ้าของเพจต้องออกมาโพสต์อธิบายว่า
โต๊ะที่มีประเด็นคือโต๊ะของคนรู้จัก #ไม่ใช่โต๊ะดิฉันนะคะ
ประเด็นหลักที่ทำให้เรื่องบานปลายมีอยู่ 2 เรื่องใหญ่ ๆ คือ:
1. ร้านไม่มีการแจ้งราคาหรือเงื่อนไขโปรโมชั่นใด ๆ หน้าร้านเลย
โต๊ะคนรู้จักเป็น Walk-in จองคิวหน้าร้าน ไม่เคยมาก่อน และไม่รู้จักร้านนี้เลยค่ะ เขารับบัตรคิวแล้วก็นั่งรอปกติ โดยไม่มีข้อมูลอะไรให้ตัดสินใจล่วงหน้าเลย ไม่ว่าจะเป็นราคา โปรโมชั่น หรือเงื่อนไขต่าง ๆ
ปกติร้านในห้าง หรือแม้แต่ร้านในสนามบิน ยังมีป้ายราคาชัดเจนติดไว้หน้าร้านให้ลูกค้าเห็นก่อนเดินเข้า แต่ร้านนี้ไม่มีแม้แต่ป้ายกระดาษเลยค่ะ ถ้าไม่ได้เข้าไปนั่งที่โต๊ะ ก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าอาหารราคาเท่าไร หรือมีเงื่อนไขอะไรบ้าง
2. ระบบสแกนเลือกโปรฯ ที่ไม่แจ้งชัดเจนเรื่อง “ต้องเลือกโปรเดียวกันทั้งโต๊ะ”
พอเข้าไปนั่งปุ๊บ ทางร้านให้ลูกค้าสแกน QR Code เพื่อเลือกโปรโมชั่นด้วยตัวเอง แต่เพราะเขาไม่เคยมา แต่ละคนก็เลยเลือกตามเมนูที่ตัวเองอยากกิน ซึ่งก็อาจจะเลือกกันไปคนละโปร
ตอนเลือก ก็ไม่มีข้อความไหนขึ้นเตือนเลยว่าทุกคนในโต๊ะต้องเลือกโปรเดียวกัน รู้แค่ราคาต่อหัวเท่านั้น พอสั่งไปแล้ว พนักงานกลับมาบอกว่า “ต้องเลือกโปรเดียวกันทั้งโต๊ะ” ซึ่งแน่นอนค่ะ เขาก็สงสัยว่า…
“แล้วกฎนี้อยู่ตรงไหน? มีแจ้งไว้ตรงไหนในร้านหรือในเพจ?”
คำตอบคือไม่มีค่ะ พนักงานบอกว่าเป็นกฎภายในร้าน ซึ่งแค่ “พนักงานรู้” มันไม่พอค่ะ
อย่างไรก็ตามทำให้ชาวเน็ตบางรายต้องออกมาอธิบายว่า
“ก่อนกินก็ควรถามร้านไหมว่ามีโปรอะไรบ้าง และแต่ละโปรรายละเอียดก็ไม่เหมือนกัน และบุฟเฟ่ทั่วไปเค้าก็มีหลายๆราคา มารยาททางการกิน ถ้าคนละโปรเค้าก็แยกโต๊ะอยู่แล้ว ร้านอะทำถูกแล้ว ไม่เห็นจะแปลก ลูกค้าที่ดราม่าอะแปลก จะไปฟ้องร้านเค้าโน้นนี้นั้นสารพัด ถ้าคิดว่าลูกค้าทำถูกก็ไปให้สุดเลยรอดูจุดจบค่ะ ที่สำคัญร้านนี้ พนักงานจะถามทุกครั้งก่อนออกบิล ว่าเราจะกินโปรไหน ตอนสั่งอาหารในแอพที่สแกนสั่งก็จะเห็นว่าเราเลือกโปรไหนราคาเท่าไหร่ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยว่าลูกค้าที่ไปกินไม่รู้ว่าตัวเองจะกินโปรไหน และที่พาดหัวว่าร้านบังคับซื้อโปร อันนี้มั่วมาก จากใจลูกค้าคนนึงเลยไม่จริง ร้านนี้ไม่เคยบังคับซื้อโปรทั้งสิ้น”
ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่าเรื่องนี้จะไปจบลงที่ตรงไหน?