มหาเศรษฐี "วอร์เรน บัฟเฟตต์" มั่นใจสหรัฐฯ ขยายเพดานหนี้
วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนผู้เป็นเจ้าของบริษัท เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ อิงค์ ระบุในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ว่า หากรัฐบาลสหรัฐประสบความล้มเหลวในการรับประกันเงินฝากของผู้ที่ฝากเงินกับธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) หลัง SVB ล้มแบบฉับพลันในเดือนมี.ค. จะก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรง
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลไม่น่าจะออกมาแถลงว่า รัฐบาลจะไม่รับประกันเงินฝากทั้งหมดของประชาชน เพราะจะทำให้เกิดภาวะแห่ถอนเงินขึ้นในทุกธนาคารของประเทศและกระทบต่อระบบธนาคารโลก ซึ่งกรณีดังกล่าวจะก่อให้เกิดหายนะ นั่นเป็นเหตุผลให้รัฐบาลสหรัฐออกมารับประกันเงินฝาก
ปกติแล้วบริษัทรับประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) รับประกันเงินฝากสูงสุด 250,000 ดอลลาร์ แต่เมื่อธนาคาร SVB และซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank) ล้ม หลังเผชิญภาวะแห่ถอนเงินครั้งใหญ่ FDIC ก็ออกมาประกาศรับประกันเงินฝากทั้งหมดของธนาคารทั้งสองแห่ง
ขณะเดียวกันนายบัฟเฟตต์ส่งสัญญาณว่า เขาไม่วิตกกังวลว่าสภาคองเกรสจะไม่อนุมัติการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาล จนนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้
เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาล และการใช้จ่ายอื่น ๆ
ก่อนหน้านี้สำนักงานงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐ (CBO) เตือนว่า กระทรวงการคลังสหรัฐอาจจะไม่สามารถชำระหนี้ทั้งหมดได้ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย.ปีนี้ นอกเสียจากว่ากระทรวงจะสามารถตกลงกับสภาคองเกรสเพื่ออนุมัติการปรับเพิ่มเพดานหนี้หรือระงับเพดานหนี้ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์
ที่มาข้อมูล : TNN ONLINE
ที่มาภาพ : TNN