ยื่นหนังสือสนับสนุน เปิดเหมืองทองอัครา ลั่นชาวบ้านในพื้นที่ ต้องการ
ชมรมคนรักเหมืองทอง ยื่นหนังสือต่อผู้ว่าพิจิตร สนับสนุนการกลับมาเปิด ของเหมืองทองอัคราอีกครั้ง ย้ำชาวบ้านในพื้นที่ ต้องการเหมืองทองจริง ๆ
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2565 ที่ศาลากลาง จ.พิจิตร นายชัยพร สุดสิน ประธานชมรมคนรักเหมืองทอง ได้นำชาวบ้านในพื้นที่รอบเหมืองแร่ทองคำของบริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด กว่า 60 คน เข้ายื่นหนังสือต่อนายไพบูลย์ ณะบุตรจอม ผวจ.พิจิตร เพื่อแสดงการสนับสนุนการกลับมาเปิดดำเนินการเหมืองแร่ทองคำอีกครั้ง หลังถูกปิดเหมืองมาตั้งแต่เดือนมกราคม 60
นายชัยพร กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้มีการอนุญาตให้เปิดเหมืองอีกครั้ง ซึ่งชมรมคนรักเหมืองทองประกอบด้วยพนักงานและอดีตพนักงาน ครอบครัว ผู้ประกอบการ ชาวบ้าน และพ่อค้าแม่ขาย ในพื้นที่ 3 อำเภอ ในจ.พิจิตร จ.เพชรบูรณ์ และจ.พิษณุโลก ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเหมืองแร่ทองคำ ได้แสดงตัวตนโดยแสดงบัตรประชาชนชนเพื่อแสดงว่าเป็นคนในพื้นที่ตัวจริง
ยืนยันว่ามั่นใจในมาตรฐานการทำเหมือง การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมตามมาตรการที่ภาครัฐกำหนด ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ปรากฏว่าได้สร้างผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพให้กับคนในพื้นที่ ในทางตรงกันข้าม เหมืองทองคำยังเป็นแหล่งจ้างงานขนาดใหญ่ มีการซื้อขายสินค้าและบริการของคนในพื้นที่โดยรอบ เป็นแหล่งรายได้
ไม่เฉพาะแต่เหล่าพนักงาน แต่ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกเป็นทวีคูณไปถึงผู้ประกอบการรายย่อยต่าง ๆ ร้านค้าปลีก ร้านชำ ร้านอาหาร แม่ค้าตลาดนัด อันเป็นรากฐานของเศรษฐกิจชุมชนที่เข้มแข็ง อีกทั้งเหมืองยังได้ส่วนสนับสนุนการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย
ด้วยปัจจุบันมีกลุ่มบุคคลนอกพื้นที่ที่มีผลประโยชน์แอบแฝง พยายามเคลื่อนไหวคัดค้านเหมืองทองคำ โดยอ้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ทั้งที่ตัวเองอยู่ห่างออกไปเป็นร้อยกิโลเมตร ไม่เคยได้สัมผัสกับการประกอบด้วยประการทั้งปวง แต่กลับกล้าพูดถึงพิษภัยต่าง ๆ ของเหมืองทอง ขณะที่ชาวบ้านตัวจริงที่อยู่ในพื้นที่รอบเหมืองสามารถดำเนินชีวิตตามปกติ
ด้านนายไพบูลย์ ผวจ.พิจิตร กล่าวว่า ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พร้อมจะดำเนินการรายงานส่งต่อไปยังกระทรวงมหาดไทย และรัฐบาลเพื่อให้ดำเนินตามขั้นตอนต่อไป สำหรับกลุ่มคนที่ออกมาคัดค้านนั้นได้ตรวจสอบประวัติแล้วเป็นคนจากพื้นที่อื่น ๆ ทั้งหมดและไม่ใช่คนจ.พิจิตร อย่างไรก็ตามจะดำเนินการให้คนพิจิตรผู้รักเหมืองทองได้รับประโยชน์ตามวิถีชีวิตต่อไป