GPSCปักหมุดแบตอีอีซี แบะท่าพันธมิตรร่วมทุน

ทันหุ้น - GPSC ลงทุนโรงงานแบตเตอรี่เพิ่มอีก 5-10 กิกะวัตต์ในอีอีซี มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท เปิดทางพันธมิตรร่วมทุน เน้นเทคโนโลยีพัฒนา 24M ต่อยอด ย้ำกลุ่มปตท.ดันยานยนต์อีวีหนุน ส่วนปั๊ม OR ลุยติดตั้งสถานีชาร์จ มองรัฐทยอยออกมาตรการหนุนต่อเนื่อง พร้อมลุยขยายพลังงานทดแทน โซลาร์รูฟ ครึ่งปีหลังยังเติบโตดี ลูกค้านิคมหนุน รับรู้โซลาร์อินเดียเป้า 100 บาท
นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือGPSC เปิดเผยว่า บริษัทยังเดินหน้าขยายการลงทุนโครงการโรงงานแบตเตอรี่ตามเป้าหมาย 5-10 กิกะวัตต์ ในระยะเวลา 10 ปี คาดใช้เงินลงทุน 30,000 ล้านบาท เน้นขยายการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และรองรับกับการเข้าลงทุนยานยนต์ไฟฟ้า ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
ทั้งนี้การลงทุนโรงงานแบตเตอรี่นับเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ ต้องศึกษาการลงทุนอย่างรอบคอบ แต่บริษัทยังพร้อมสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการผลักดันประเทศลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emission)
@เปิดทางพันธมิตรพัฒนาแบต
ในส่วนโรงงานแบตเตอรี่ใหม่ของบริษัทจะมีการต่อยอดจากโครงการเดิมของบริษัทคือการใช้ นวัตกรรมการผลิตแบตเตอรี่ เป็นเทคโนโลยีการผลิตของบริษัท 24M Technologies Incorporation หรือ 24M จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งบริษัทได้รับสิทธิในการดำเนินการผลิตและจัดจำหน่าย
โดยบริษัทจะเริ่มต้นจากการผลิต G-Cell แบบ LFP (Lithium Iron Phosphate) หรือ ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต ที่มีจุดเด่นในเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานสูง และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า จึงเหมาะสมกับแอปพลิเคชั่นที่หลากหลาย รวมทั้งยังสามารถรีไซเคิล (Recycle) ได้ง่ายเมื่อแบตเตอรี่หมดอายุการใช้งาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ทั้งนี้ก็เปิดโอกาสพันธมิตรที่จะมาร่วมพัฒนาวิจัยเรื่องเทคโนโลยี หรือการต่อยอดเทคโนโลยีของ 24M ด้วย เพราะต้องยอมรับว่าเรื่องของเทคโนโลยีมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในต้นทุนที่ต่ำ
ขณะที่กลุ่มปตท.เดินหน้าผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าต่อเนื่อง อย่าง PTT ได้ลงนามสัญญาร่วมทุนกับกลุ่มบริษัท หงไห่ พริซิชั่น อินดัสทรี จำกัด (Foxconn) เพื่อดำเนินการในส่วนของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ส่วน OR ก็เดินหน้าในส่วนของการติดตั้ง EV Charger (สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า) เพื่อรองรับการใช้งานที่มากขึ้นในอนาคต และเชื่อว่าภาครัฐจะมีการประกาศนโยบายในการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าออกมาต่อเนื่อง เพื่อสอดคล้องกับหลายประเทศที่เร่งผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเช่นเดียวกัน
@ ขยายพลังงานทดแทน
นายทิติพงษ์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังเดินหน้าในการขยายพลังงานทดแทนต่อเนื่อง รวมไปถึงรอความชัดเจนจากแผนพลังงานแห่งชาติ ทั้งนี้บริษัทได้ดำเนินการในส่วนของการขยายธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป โครงการ Private PPA ควบคู่ไปด้วย เป็นการเสนอแผนให้แก่ลูกค้าแบบเป็นโซลูชั่น เพื่อตอบโจทย์การประหยัดพลังงานครบวงจร และยังพิจารณาการลงทุนใหม่ๆ ต่อเนื่อง
ส่วนผลประกอบการครึ่งปีหลังยังเติบโตได้ ความต้องการใช้ไฟฟ้าจากลูกค้านิคมอุตสาหกรรมดีขึ้นต่อเนื่อง และเชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆ ภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น
@ซื้อกิจการหนุนเติบโต
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุถึง GPSC ว่า โอกาสขาขึ้นจากการซื้อและควบรวมกิจการที่มากขึ้นช่วยชดเชยความเสี่ยงขาลงจากการปิดโรงไฟฟ้า SPP5 ขนาด 342 เมกะวัตต์ ชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2564 ถึงต้นปี 2565 จากการลัดวงจรของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและมีแนวโน้มที่จะยาวประมาณ 3-5 เดือน
อย่างไรก็ดี GPSC จะเริ่มรวมรายได้ Avaada ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ในอินเดียขนาด 1.4 กิกะวัตต์ ตามส่วนจากการซื้อหุ้น 41.6% เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ซึ่ง Avaada จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 4.5 กิกะวัตต์ ภายในปี 2566
นอกจากนี้ในปี 2565 ยังคาดอีกว่า GPSC จะได้กำไรสุทธิเพิ่มอีก 700 ล้านบาท จากการถือหุ้น 25% ใน CI Changfang Limited และ CI Xidao Limited ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังลมนอกชายฝั่งขนาดกำลังการผลิตรวม 595 เมกะวัตต์ และมีกำหนดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ (COD) ทั้งนี้คงคำแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 100 บาท คาดว่า Avaada และ CI จะสร้างมูลค่าเพิ่มรวม 4.1 บาทต่อหุ้น (3.1 บาทจาก Avaada และ 1.0 บาทจาก CI)