เงินเทาคือเดิมพันใหญ่ ถ้ารัฐไม่เอาจริง นักลงทุนก็ถอย?

ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและการแข่งขันในอาเซียนที่เข้มข้นขึ้น คำถามสำคัญของประเทศไทยในวันนี้ไม่ใช่แค่ว่า “จะโตได้แค่ไหน” แต่คือ “จะสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาได้หรือไม่”
มุมมองของ ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ในเวที Thailand Confidence 2026 ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาเศรษฐกิจไทยไม่ได้เป็นเรื่องเฉพาะหน้า หากเป็นผลสะสมจากโครงสร้างการเมือง เศรษฐกิจ และธรรมาภิบาล ที่เชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก
เศรษฐกิจโตต่ำศักยภาพ ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยืดเยื้อ
ดร.อนุสรณ์ ระบุว่า เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำกว่าศักยภาพมาเป็นเวลานาน และในปีล่าสุดยังขยายตัวรั้งท้ายในกลุ่มอาเซียน สาเหตุสำคัญคือประเทศยังขาด New Engine of Growth ไม่สามารถสร้างอุตสาหกรรมใหม่หรือแหล่งรายได้ใหม่ได้อย่างจริงจัง ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเดินหน้าอุตสาหกรรมเทคโนโลยี การผลิตขั้นสูง และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
การเติบโตที่ชะลอตัวจึงไม่ใช่เรื่องวัฏจักรระยะสั้น แต่เป็นผลจากโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยังไม่ถูกยกระดับ
การเมืองไร้เสถียรภาพ กดทับความเชื่อมั่นประเทศ
อีกปัจจัยที่กดดันความเชื่อมั่น คือโครงสร้างทางการเมืองที่ไม่เอื้อต่อเสถียรภาพในระยะยาว ดร.อนุสรณ์ ชี้ว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 เปิดช่องให้กลไกที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งสามารถเปลี่ยนผู้นำรัฐบาลได้ ส่งผลให้ประเทศไทยเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีหลายครั้งในช่วงเวลาไม่กี่ปี
ผลที่ตามมา คือรัฐบาลขาดความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบาย นักลงทุนไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางประเทศได้ และการวางแผนเศรษฐกิจระยะยาวทำได้ยาก โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ต้องอาศัยเสถียรภาพทางการเมืองเป็นเงื่อนไขหลัก
ดร.อนุสรณ์ เห็นว่า หากสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามหลักประชาธิปไตยและมาตรฐานสากล เมื่อมีการเลือกตั้งแล้วได้รัฐบาลที่มีความชอบธรรม ก็จะช่วยสร้างเสถียรภาพและเปิดทางให้การบริหารประเทศเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง
เงินเทา–การบังคับใช้กฎหมาย จุดอ่อนใหญ่ของระบบเศรษฐกิจ
ประเด็นที่สร้างความเสียหายต่อความเชื่อมั่นอีกด้าน คือภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะแหล่งฟอกเงิน จากเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติและธุรกรรมผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเชื่อมโยงกับอำนาจบางส่วนในประเทศ
ดร.อนุสรณ์ ระบุชัดว่า หากรัฐไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และไม่แยกระบบเศรษฐกิจออกจากเงินสีเทา จะไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นด้านการลงทุนได้ เพราะนักลงทุนให้ความสำคัญกับ rule of law ความโปร่งใส และความแน่นอนของกติกา มากกว่าสิทธิประโยชน์ระยะสั้น
ชาตินิยมสุดขั้วกับความเสี่ยงด้านความมั่นคง
ในกรณีความขัดแย้งไทย–กัมพูชา ดร.อนุสรณ์ เตือนว่า การใช้กระแสชาตินิยมเพื่อหวังคะแนนนิยมทางการเมืองเป็นเรื่องอันตราย เพราะปัญหาดินแดนและอธิปไตยจำเป็นต้องจัดการด้วยสันติวิธี หากความขัดแย้งลุกลาม อาจเปิดช่องให้มหาอำนาจเข้ามาแทรกแซง และสร้างผลกระทบต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจในระยะยาว
ผู้นำ การเลือกตั้ง และทางแยกของประเทศ
ผลสำรวจที่ประชาชนจำนวนมากระบุว่า “ไม่เลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี” และ “ไม่เลือกพรรคการเมืองใด” ถูกมองว่าเป็นสัญญาณความไม่เชื่อมั่นต่อระบบการเมืองโดยรวม ดร.อนุสรณ์ เห็นว่า ภาคประชาชนและภาคธุรกิจควรเรียกร้องให้พรรคการเมืองเสนอผู้นำที่มีความสามารถ โปร่งใส และยึดประโยชน์ประเทศเป็นหลัก เพราะหากขาดผู้นำที่มีความชอบธรรม การปฏิรูปเชิงโครงสร้างย่อมเกิดขึ้นได้ยาก
วางยุทธศาสตร์ประเทศ ท่ามกลางโลกที่แบ่งขั้ว
ในโลกที่โครงสร้างการค้าและการเมืองระหว่างประเทศเปลี่ยนไป ประเทศไทยจำเป็นต้องวางสถานะเชิงยุทธศาสตร์ให้ชัด เป็นประเทศเปิด ยึดหลักกฎหมาย มีความต่อเนื่องด้านนโยบาย และรักษาความเป็นกลาง เพื่อดึงดูดการลงทุนระยะยาว
ดร.อนุสรณ์ ย้ำว่า หากประเทศไทยไม่สามารถสร้างความชัดเจนในระดับยุทธศาสตร์ ต่อให้แก้ปัญหาเชิงรายจุดก็จะเหนื่อยและไม่ยั่งยืน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
