รีเซต

รู้จัก Scale AI เบื้องหลัง AI อัจฉริยะของโลก ทำไมยักษ์ใหญ่ Meta กล้าลงทุน 4.66 แสนล้านบาท

รู้จัก Scale AI เบื้องหลัง AI อัจฉริยะของโลก ทำไมยักษ์ใหญ่ Meta กล้าลงทุน 4.66 แสนล้านบาท
TNN ช่อง16
16 มิถุนายน 2568 ( 01:26 )
60

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมากระแสข่าวใหญ่ในวงการเทคโนโลยีเมื่อบริษัท Meta ยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียวของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ตัดสินใจเข้าไปลงทุนในบริษัท Scale AI มากถึง 4.66 แสนล้านบาท พร้อมดึงตัวของอเล็กซานเดอร์ หวัง ซีอีโอของบริษัท Scale AI เข้าร่วมงานพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ AI วันนี้เราจะไปทำความรู้จักบริษัท Scale AI อีกครั้ง

บริษัท Scale AI ทำธุรกิจอะไร?

Scale AI เป็นบริษัทเทคโนโลยีจากซานฟรานซิสโก ก่อตั้งในปี 2016 โดยมีเป้าหมายหลักคือการจัดเตรียม "ข้อมูลคุณภาพสูง" สำหรับฝึกฝนโมเดล AI ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลภาพ วิดีโอ ข้อความ แผนที่ หรือข้อมูล 3 มิติ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องการ ข้อมูลจำนวนมากและแม่นยำสูง

ตัวอย่างเช่น รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ หุ่นยนต์ การวิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียม การทดสอบ Large Language Models (LLMs) ซึ่งจำเป็นต้องใช้การประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ AI ขั้นสูง

บริษัทให้บริการผ่านแพลตฟอร์ม Scale Data Engine ที่สามารถทำงานได้ทั้งแบบอัตโนมัติและผสมกับมนุษย์ (Human-in-the-loop) ซึ่งถูกใช้โดยองค์กรชั้นนำอย่าง OpenAI, Microsoft, Meta, Toyota, U.S. Air Force และ NASA

จุดเด่นของบริษัท Scale AI

1. Data คืออาวุธ โดยบริษัท Scale AI นั้นโฟกัสกับการทำให้ข้อมูล "สะอาด สมบูรณ์ และเข้าใจได้โดย AI" ซึ่งเป็นหัวใจของการฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์

2. ครอบคลุมวงจรปัญญาประดิษฐ์ AI ตั้งแต่เก็บข้อมูล, ติดป้ายกำกับ, ทดสอบโมเดล, ประเมินประสิทธิภาพ ไปจนถึง Reinforcement Learning จากฟีดแบกของมนุษย์ (RLHF)

3. เน้นความปลอดภัย Scale AI มีห้องแล็บ “SEAL (Safety, Evaluation, and Alignment Lab)” ที่ทดสอบว่าโมเดล AI มีจุดอ่อนตรงไหนก่อนถูกใช้งานจริง

4. ทำงานร่วมกับภาครัฐ โดยสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคงและเทคโนโลยีของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างเป็นระบบ

ทำไม Meta จึงลงทุนมหาศาลใน Scale AI?

บริษัท Meta ตัดสินใจลงทุนมหาศาลในบริษัท Scale AI ในปี 2025 ด้วยมูลค่าระหว่าง 14,300 ถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4.6 แสนล้านบาท ซึ่งนับเป็นการลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ครั้งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของบริษัท รองจากการเข้าซื้อกิจการ WhatsApp เมื่อปี 2014 

การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการยกระดับขีดความสามารถด้าน “ซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์” (Superintelligence) ของบริษัท Meta โดยเชื้อเพลิงหลักของปัญญาประดิษฐ์ AI คือ “ข้อมูลคุณภาพสูง” ซึ่งเป็นจุดแข็งของ Scale AI ในฐานะบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการจัดเตรียมและติดป้ายกำกับข้อมูลสำหรับการฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ 

นอกจากนี้ Scale AI ยังมีระบบ “Red Teaming” ที่ล้ำสมัย ซึ่งสามารถทดสอบความปลอดภัยและหาช่องโหว่ในโมเดล AI ได้อย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าที่ทีมงานภายในของ Meta ทำได้เอง 

และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น บริษัท Meta ยังได้ตัวของอเล็กซานเดอร์ หวัง (Alexandr Wang) ซีอีโอหนุ่มอัจฉริยะวัย 28 ปี ผู้ก่อตั้ง Scale AI มาร่วมเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนา AI ขั้นสูงของบริษัท โดยเขาถูกมองว่าไม่ใช่เพียงผู้บริหาร แต่คือ “นักออกแบบระบบข้อมูลแห่งอนาคต” ที่มีบทบาทสำคัญต่อทิศทางการแข่งขันระดับโลกในยุคปัญญาประดิษฐ์

อเล็กซานเดอร์ หวัง (Alexandr Wang) อัจฉริยะวัย 28 ปี

อเล็กซานเดอร์ หวัง (Alexandr Wang) เกิดในปี 1997 ในครอบครัวนักวิทยาศาสตร์ พ่อแม่ของเขาทั้งคู่ทำงานที่ห้องปฏิบัติการแห่งชาติลอสอะลามอส (Los Alamos National Laboratory) ทำให้เขาเติบโตท่ามกลางวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับคณิตศาสตร์และฟิสิกส์เป็นพิเศษ 

อเล็กซานเดอร์ หวัง เข้าเรียนที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) สาขาคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่เลือกที่จะหยุดเรียนในวัยเพียง 19 ปี เพื่อมาก่อตั้งบริษัท Scale AI หลังเคยฝึกงานที่ Quora และ Addepar 

ปัจจุบันอเล็กซานเดอร์ หวัง นั้นติดอันดับ Forbes 30 Under 30, มหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดในทำเนียบ Billionaire Under 25 และเคยได้รับเชิญให้ขึ้นเวทีระดับโลกอย่าง World Economic Forum 

ไม่ใช่แค่ร่ำรวย แต่แนวคิดของอเล็กซานเดอร์ หวัง นั้นมีความโดดเด่นในแง่การมองข้อมูลไม่ใช่เพียงเชื้อเพลิงของปัญญาประดิษฐ์ AI แต่เป็น “พื้นฐานของความจริง” เขาเชื่อว่า AI ที่แข็งแกร่งจะต้องได้รับการฝึกด้วยข้อมูลที่มนุษย์ให้คุณค่าอย่างถูกต้อง ไม่ใช่แค่รวบรวมปริมาณมหาศาลเท่านั้น 

อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของเขาคือการวางรากฐาน “โครงสร้างพื้นฐานของ AI” (AI infrastructure layer) ให้มั่นคงพอรองรับการมาถึงของปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (AGI) หรือปัญญาประดิษฐ์ที่มีความฉลาดล้ำ อย่างมีเสถียรภาพ

นอกจากนี้เขายังผลักดันการใช้ AI ในภาครัฐอย่างมีจริยธรรม เช่น การประเมินภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อเตือนภัยพิบัติ หรือสอดส่องความเสี่ยงด้านความมั่นคง ซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์ของเขาที่ก้าวไกลกว่าการสร้างผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ทั่วไป

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง