ทัพพม่าไม่สนยูเอ็นประณาม-รัวยิงม็อบ กล่าวหาซูจีซุกทอง-เงินล้าน
ทัพพม่าไม่สนยูเอ็นประณาม-รัวยิงม็อบ - รอยเตอร์ รายงานสถานการณ์ในเมียนมายังคงเครียด แม้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ออกแถลงการณ์ประณามกองทัพเมียนมาต่อการใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วงแล้ว
แม้แถลงการณ์ยูเอ็นเรียกร้องให้กองทัพแสดงความยับยั้งชั่งใจต่อการใช้กำลัง แต่วันที่ 11 มี.ค. เจ้าหน้าที่พม่ากลับสังหารผู้ชุมนุมเพิ่มอีกถึง 8 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองมไยง์ ทางตอนกลาง เกือบทั้งหมดถูกยิงที่ศีรษะ และอีก 1 รายในนครย่างกุ้ง ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเกือบ 70 ราย
นอกจากนี้ พลจัตวาซอ มิน ตุน โฆษกคณะมนตรีการปกครองแห่งรัฐของกองทัพเมียนมา แถลงกล่าวหาว่านางซู จี รับเงินกว่า 18.3 ล้านบาท และทองคำอีกจำนวนหนึ่งระหว่างดำรงตำแหน่ง เพิ่มเติมจากที่ถูกตั้งข้อหาไปแล้ว 2 กระทง
ทั้งยังกล่าวหาประธานาธิบดีวิน มินต์ และรัฐมนตรีหลายคนว่าคอร์รัปชั่น แต่ไม่มีการเปิดเผยหลักฐาน รวมทั้งไม่ได้ระบุว่าตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการ
สำหรับแถลงการณ์ร่วมของสมาชิก 15 ประเทศของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น ประกอบด้วยสมาชิกถาวร 5 ประเทศ ได้แก่ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และสมาชิกไม่ถาวรอีก 10 ประเทศ กล่าวประณามอย่างยิ่งยวดต่อการใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วงที่ชุมนุมอย่างสันติ ครอบคลุมผู้หญิง เยาวชน และเด็ก
“คณะมนตรีความมั่นคงฯ ขอเรียกร้องให้กองทัพใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างเต็มที่และย้ำว่าคณะมนตรีความมั่นคงฯ กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”
อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงที่จะประณามการก่อรัฐประหารและการข่มขู่ถึงความเป็นไปได้ในการใช้ความรุนแรงต่อเนื่องถูกถอดออกจากข้อความร่างของทางการอังกฤษ
ส่วนเนื้อหาว่าคณะมนตรีฯ จะพิจารณาใช้มาตรการคว่ำบาตรขั้นต่อไป ถูกปรับแก้ เนื่องจากผู้แทนจากจีน รัสเซีย อินเดีย และเวียดนาม ท้วงติง จึงเน้นเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับการจำกัดบทบาทหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ภาคประชาสังคม สมาชิกสหภาพแรงงาน และสื่อมวลชน
"คณะมนตรีความมั่นคงฯ ขอแสดงจุดยืนสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตย ในเมียนมา ความจำเป็นในการรักษาสถาบันและกระบวนการอันเป็นประชาธิปไตย หยุดยั้งจากการใช้ความรุนแรง เคารพสิทธิมนุษยชนรวมทั้งเสรีภาพขั้นพื้นฐานอย่างสมบูรณ์ และรักษาหลักนิติธรรม"
วันเดียวกัน นายจาง จุน เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า ถึงเวลาแล้ว ที่ต้องลดวิกฤตในเมียนมา ลดระดับความรุนแรง โดยใช้วิถีทางการทูต การเจรจา สำหรับจีนได้เข้าร่วมการเจรจาเพื่อออกแถลงการณ์ร่วมอย่างสร้างสรรค์ นับเป็นสิ่งสำคัญที่สมาชิก คณะมนตรีความมั่นคงฯ จะเห็นพ้องเป็นเสียงเดียวกัน และหวังว่าข้อความนี้จะนำไปสู่การผ่อนคลายสถานการณ์ในเมียนมา
ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐแถลงเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรลูก 2 คนของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง ไหล่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้นำการรัฐประหาร ได้แก่ นายออง ปเย โซน และนางขิ่น ติรี เต๊ต โมน ซึ่งทั้งคู่เป็นนักธุรกิจและมีบริษัทหลายแห่งในเครือ รวมถึงบริษัทมายเทล ผู้ให้บริการโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของเมียนมา
////